โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Influenza โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายจากมนุษย์สู่มนุษย์ผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อไวรัส โรคไข้หวัดใหญ่สามารถพบได้ตลอดทั้งปี มักระบาดในช่วงฤดูหนาว และฤดูฝน ซึ่งเอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หรือในสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันทันที
การติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่
การติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่จะสามารถเกิดได้ผ่านคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งด้วยการหายใจเอาเชื้อไวรัสในละอองน้ำมูก น้ำลายเข้าไปเยื่อบุโพรงจมูกและปาก โดยสามารถติดต่อกันได้ง่ายในสถานที่แออัด หรือพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก ซึ่งเชื้อโรคไวรัสจะแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้มากในช่วงระยะเวลาประมาณ 3-7 วัน
อาการ ไข้หวัดใหญ่
ส่วนมากอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ มีดังต่อไปนี้
- มีอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว
- มีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ เฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา
- มีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลียได้ง่าย
- มีอาการเบื่ออาหาร
- มีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกใส อาการไอแห้ง
- โรคไข้หวัดใหญ่ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้
ไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาได้ ส่วนมากมักเป็นการรักษาตามอาการ แต่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการรุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้รับประทานยาต้านไวรัสโรคไข้หวัดใหญ่ ยาต้านไวรัสมีชื่อว่า ยาโอลเซลทามิเวียร์
ไข้หวัดใหญ่แบ่งเป็นกี่สายพันธุ์
องค์การอนามัยโลก WHO ได้ประกาศให้โรคไข้หวัดใหญ่แบ่งได้ 4 สายพันธุ์ ดังต่อไปนี้
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A / H1N1
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/ H3N2
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Victoria
- ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Yamagata
วิธีรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
วิธีการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาผู้ป่วยได้โดยใช้ยาโอลเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือยา Tamiflu ควรใช้ยากลุ่มนี้รักษาอาการไข้หวัดใหญ่ภายใน 2 วันแรก ที่ตรวจพบโรคไข้หวัดใหญ่
วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่สามารถแบ่งแยกออกได้ตามสายพันธุ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ดังต่อไปนี้
การฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H1N1 หรือวัคซีน “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” รักษาโดยการใช้ยาต้าน “โอเซลตามิเวียร์”
- วัคซีนไข้หวัดสายพันธุ์ A/H3N2 หรือวัคซีน “ไข้หวัดหมู”
- วัคซีนไข้หวัดสายพันธุ์ B Corolado ตระกูล Victoria
- วัคซีนไข้หวัดสายพันธุ์ B Phuket ตระกูล Yamagata
ในวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มีเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียที่ตายแล้วเป็นองค์ประกอบ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผ่านการฉีดเข้าสู่ร่างกาย โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ถึงระยะเวลา 1 เดือน ควรฉีดวัคซีนปีละ 1 ครั้งในช่วงก่อนฤดูฝน
ใครควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- ผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยที่มีอายุระหว่าง 19 – 64 ปีอยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ โรคหอบหืด หรือ โรคถุงลมโป่งพอง
- ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งจากโรคเรื้อรัง เช่นโรคเบาหวาน โรคไต หรือ โรคเลือด
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเป็นผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
ผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
มักเป็นอาการที่เกิดเฉพาะบริเวณที่ฉีด จะมีอาการปวด ลักษณะบวมแดง หรือมีตุ่มนูนขึ้นตามบริเวณที่ฉีดวัคซีน และมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดดข้อ ร่วมด้วย ซึ่งอาการจะมีภายในระยะเวลา 6-12 ชั่วโมง หรืออาจนานประมาณ 1-2 วัน โดยไม่ต้องรับการรักษา
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- หากมีอาการป่วย หรือมีอาการไข้สูงควรงดการฉีดวัคซีน
- ก่อนการรับวัคซีนทุกครั้งควรมีการจดบันทึก
- หากมีอาการแพ้อาหารและยา หรือมีโรคประจำตัวต้องแจ้งแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน
- หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ในผู้ที่มีประวัติการแพ้โปรตีนจากไข่
- หากมีอาการไข้ หรือเป็นโรคอื่นเฉียบพลันควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน
- หากมีอาการเจ็บป่วยจากโรค Neurologic Disorders ให้เลื่อนการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- หากผู้ป่วยมีประวัติ Guillain Barre Syndrome (GBS) ควรงดฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- งดฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จากกรรมพันธุ์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือกำลังทำการรักษาโรคด้วยสารกดภูมิคุ้มกันเนื่องจากอาจทำให้ไม่ได้ Antibody response
- หากเป็นสตรีมีครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในระยะเวลาประมาณ 3 เดือนแรก ของการตั้งครรภ์
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- หลังจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะมีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดวัคซีน หากมีอาการมากควรรับประทานยาแก้ปวด
- ควรใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบ
- กรณีเกิดตุ่มหนองหลังจกาได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรดูแลโดยการใช้สำลีสะอาดชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาด งดการบ่มหนอง
- หากมีอาการไข้ ไม่สบายตัว ควรรับประทานยาแก้ไข้หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ยารักษาอาการไข้หวัดใหญ่
กลุ่มยารักษาอาการโรคไข้หวัดใหญ่ มีดังต่อไปนี้
- ยาลดอาการคัดจมูก ใช้สำหรับบรรเทาอาการบวมของหลอดเลือดในจมูก บรรเทาอาการคัดจมูก และลดอาการน้ำมูกไหล
- ยาต้านฮิสตามีน เป็นยามีฤทธิ์ลดสารฮิสตามีนที่จะก่อให้เกิดการอักเสบและอาการแพ้ ใช้เพื่อรักษาอาการจาม อาการคันจมูก หรือมีน้ำตาไหล
- ยาแก้ไอและกำจัดเสมหะ อาการไอที่เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ส่งผลให้มีเสมหะร่วมด้วย ควรใช้ยากลุ่มขับเสมหะที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเสมหะมากขึ้น และไปกระตุ้นให้ไอเพื่อให้ร่างกายขับเสมหะออกมาจากร่างกายได้ง่ายขึ้น โดยเมื่อเสมหะถูกขับออกมาแล้วส่งผลให้อาการไอลดลง บางกรณีอาจใช้กลุ่มยาละลายเสมหะรับประทานร่วมด้วย
- ยาต้านไวรัส มักใช้ยาโอเซลทามิเวียร์และยาซานามิเวียร์ ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ยับยั้งการกระจายตัวของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A และ B ภายในร่างกาย โดยสามารถใช้ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย และเสี่ยงต่อการติดเชื้อในไวรัสของโรคไข้หวัดใหญ่ในสายพันธุ์ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งแพทย์จะจ่ายยาต้านไวรัสสำหรับรับประทานประมาณ 5 วัน และยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป กรณีต้องใช้ยาซานามิเวียร์แพทย์จะใช้ในการรักษาผู้ป่วยอายุ 7 ปีขึ้นไป ควรใช้ยากลุ่มนี้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
- กลุ่มยาปฏิชีวนะ ยาประเภทนี้จะไม่มีผลต่อการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่โดยตรง แต่แพทย์จะแนะนำให้ใช้เพื่อรักษาภาวะแทรกซ้อนอย่างปอดอักเสบจากเชื้อราที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย
ไข้หวัดใหญ่กี่วันถึงจะหาย
หากมีอาการป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ในระยะเวลานานจะมีอาการไอทีเกิดขึ้นจากหลอดลมอักเสบ (post viral bronchitis) โดยอาการจะรุนแรงและป่วยได้ในระยะเวลายาวนานกว่าไข้หวัดธรรมดา (common cold) แต่ในโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหายเป็นปกติภายในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่มีบางรายที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากมีอาการของภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญเช่น ปอดบวม ซึ่งอาจนำมาสู่ภาวะการเสียชีวิตได้
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิต
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี
- ผู้ป่วยทีป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน และภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- เด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยาแอสไพรินในระยะเวลายาวนาน
- หญิงตั้งครรภ์ในช่วงระยะที่ 2 และ 3 ในฤดูกาลที่มีไข้หวัดใหญ่สูง
บทสรุป
หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 อาการของโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 มีอาการใกล้เคียงกันมาก แต่โรคไข้หวัดใหญ่จะไม่มีอาการไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส และมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แต่โรคโควิด-19 จะไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนแสดงออกมา ซึ่งอาการของโรคโควิดจะแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 48 ชั่วโมงก่อนมีอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ และเบี่ออาหารตามมา
ภายหลังจากการได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หากพบอาการข้างเคียงรุนแรง ซึ่งการใช้ยาต้านไวรัสอาจจะส่งผลข้างเคียงตามมาได้ อาทิ อาการคลื่นไส้ อาเจียน อาการวิงเวียน ปวดศีรษะ อาการคัดจมูก อาการน้ำมูกไหล ไอ และอาการท้องร่วง เป็นต้น หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปแจ้งพบแพทย์และเข้ารับการรักษาในขั้นตอนต่อไปทันที