Astaxanthin (แอสตาแซนทิน) คืออะไร สรรพคุณ ช่วยอะไร ข้อควรระวัง!

Astaxanthin (แอสตาแซนทิน) คือ กลุ่มสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งเป็นรงควัตถุที่ไม่ละลายในน้ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้โดยธรรมชาติ และการออกฤทธิ์ของสารทำให้เนื้อของพืชหรือสัตว์มีสีชมพูตามธรรมชาติ สารตัวนี้นิยมนำมาเป็นสารประกอบในอาหารเสริมลดริ้วรอย มีคุณสมบัติทำให้ผิวพรรณสดใส ลดการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ลดริ้วรอย และช่วยบำรุงดวงตาและหัวใจกลับมาเป็นปกติ จึงเป็นกลุ่มสารที่นิยมเลือกซื้ออย่างแพร่หลาย

Astaxanthin ซื้อที่ไหน พบได้ที่ไหนบ้าง

ใน Astaxanthin ละลายได้ดีในไขมัน มักพบสารจากอาหารกลุ่มไข่ของสัตว์ทะเล ปลาทะเล ปลาแซลมอน รวมถึงกลุ่มอาหารจำพวกกุ้ง ปู ลอปสเตอร์ เคย และไข่ปลาคาเวียร์ ซึ่งสารมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตัวเองจากแสงแดดแผดเผา การถูกน้ำทะเลพัดพาหรือชะล้างสารอาหารในตัวมันออกไป และยังพบมากในสาหร่าย Microalgae ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็ก มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่จะมองเห็นโครงสร้างโดยผ่านกล้องจุลทรรศน์ และเป็นสาหร่ายทะเลที่ให้เซลล์สีแดง โดยสารจากสาหร่ายมักนิยมนำมาสกัดเป็นอาหารเสริมจากสาหร่ายสีแดงสำหรับชะลอความชรา อีกทั้งสามารถนำมาเป็นส่วนผสมของสกินแคร์เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย และบำรุงผิวพรรณ หากต้องการรับสรรพคุณของสารเหล่านี้โดยตรง คือการได้รับแอสตาแซนทินจะต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเหล่านั้นเข้าไปเท่านั้น 

วิธีรับประทาน Astaxanthin ในปริมาณที่เหมาะสม

วิธีรับประทาน Astaxanthin ในแต่ละวัน ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าจะให้ในปริมาณเท่าใด โดยจะยึดถือจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) แนะนำให้ทานในปริมาณอยู่ที่ 0.34-0.85 mg/วัน ซึ่งอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายที่ควรได้รับ

ในกลุ่มอาหารเสริมที่เพิ่มสารแอสตาแซนทินเข้าไป ผู้ที่ทานจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะแนะนำให้ทานรูปแบบอาหารเสริมในปริมาณ 4-8 mg ใน 2-3 ครั้งต่อวัน พร้อมกับอาหารมื้อหลัก ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น หากกลุ่มผู้ทานอยู่ในกรณีอื่นๆ จะแนะนำการทานได้ดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย ท้องอืดบ่อยๆ ให้ทานในปริมาณ 40 mg เป็นประจำทุกวัน
  • ผู้ที่มีปัญหาระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรทานอยู่ที่ 6-18 mg เป็นเวลา 12 สัปดาห์
  • ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ และต้องเสริมจะต้องทาน 1 แคปซูล ขนาด 4 mg พร้อมมื้อกับอาหารในตอนเช้า
  • ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากทั้งชายและหญิง ควรทานในปริมาณ 16 mg เป็นเวลาสามเดือนต่อเนื่องกัน เพื่อปรับสมดุลร่างกายและชะลอความเสื่อมของเซลล์ร่างกาย
  • ผู้ที่มีปัญหาและต้องการบำรุงผิวพรรณเป็นพิเศษ ควรทานจะต้องทาน 1 แคปซูล ขนาด 4 mg ทั้งเช้าและเย็นเป็นเวลา 6 สัปดาห์
  • ผู้ที่ผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย รวมถึงผู้ที่ปลูกถ่ายไตจากกรณีไตวายเรื้อรัง จะต้องทานปริมาณ 12 mg ในเวลา 1 ปี

Astaxanthin สรรพคุณ ช่วยอะไร

จากประโยชน์ของ Astaxanthin สรรพคุณมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระโดยตรง แต่จัดอยู่ในหมวดสารโภชนาการเภสัช (Nutraceutical) ซึ่งให้ทั้งสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางโภชนาการร่วมด้วย มีส่วนช่วยป้องกันและรักษาสุขภาพในคราวเดียวกัน ซึ่งการทานแอสตาแซนทินมีประโยชน์ดังนี้

  1. บำรุงดวงตา ช่วยป้องกันอาการล้าของสายตา ฟื้นฟูจอตาเสื่อม ดวงตาอ่อนล้าจากการทำงานอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน และตาอักเสบในผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยให้ชะลอความเสื่อมของดวงตาให้ดีขึ้น
  2. ช่วยป้องกันการเกิดการอักเสบ และ ป้องกันแผลหายช้าในผู้ป่วยเบาหวาน
  3. ลดอาการปวดตา ตาล้า จากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานเกินไป
  4. งานวิจัยพบว่าการทานแอสตาแซนทิน 40 mg เป็นประจำทุกวันจะช่วยฟื้นฟูอาการอาหารไม่ย่อย ป้องกันความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร และ ลดอาการกรดไหลย้อน
  5. ป้องกันอาการพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ และอาการเหน็บชาตามปลายประสาท
  6. ช่วยดูแลสุขภาพของอาการวัยทองในกลุ่มผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป 
  7. ช่วยฟื้นฟูสุขภาพในกลุ่มผู้มีภาวะมีบุตรยาก หรือผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่ต้องการวางแผนในการมีบุตร 
  8. ช่วยป้องกันข้ออักเสบ หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 
  9. ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติ ช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้
  10. ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดให้ทำงานเป็นปกติ เลือดสูบฉีดดีขึ้น รวมถึงป้องกันภาวะไขมันในหลอดเลือดอุดตัน และเส้นเลือดในสมองแตก
  11. ช่วยป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โดยมีการอ้างอิงจากงานวิจัยจากต่างประเทศ กล่าวว่าการกินแอสตาแซนทินจะช่วยลดระดับไขมันในเลือดให้เป็นปกติ โดยจะลดระดับไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) และเพิ่มไขมันดี (HDL) อีกทั้งยังมีข้อมูลได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าการกินแอสตาแซนทินหากทานคู่กับอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากเบอร์แบร์ริน (Berberine), โพลีโคซานอล (Policosanol), ข้าวยีสต์แดงจากธรรมชาติ, โคเอนไซม์คิว 10 (coenzyme Q10) และกรดโฟลิก (Folic Acid) จะช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) และลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย เมื่อแสดงผลจากค่าระดับในการตรวจสุขภาพ และค่าระดับไขมันในเลือดโดยรวม ยังช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) และลดไตรกลีเซอไรด์ของผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ให้อยู่ในระดับที่ลดลง

Astaxanthin ไม่ควรกินคู่กับอะไร ?

Astaxanthin ก็เหมือนสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มาจากของสิ่งมีชีวิตทุกๆ อย่างในโลก ที่มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดในการรับประทานเพื่อรักษาอาการ คนที่จะรับประทานแอสตาแซนทินควรศึกษาข้อมูลให้ดีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดหรือไม่ทำให้เกิดโทษต่อร่างกายในระยะยาว โดยมีข้อจำกัดในการทานดังนี้

  1. ห้ามกินคู่กับยาวาร์ฟาริน (Warfarin) เนื่องจากองค์ประกอบทางเคมีที่ต่อต้านกัน ทำให้มีความเสี่ยงมากที่จะทำให้มีเลือดออกในร่างกาย ทำให้เป็นอันตรายกับร่างกายมาก อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากยาวาร์ฟารินเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด ใช้ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดซึ่งอาจไปอุดตันตามเส้นเลือดของร่างกาย เช่น สมอง ปอด ขา หรือที่ลิ้นหัวใจเทียม ถ้ากินพร้อมกันกับ Astaxanthin จะไปส่งเสริมฤทธิ์การไหลของเลือดให้มากขึ้น
  2. ไม่ควรกินคู่กับอาหารเสริมไฟเบอร์ทุกชนิด (Dietary Fiber) หลายคนอยากได้คุณสมบัติ Detox ร่างกายควบคู่ด้วยการทานทั้งไฟเบอร์และ Astaxanthin แต่จริงๆ มันผิดร้ายแรงมาก เพราะไฟเบอร์ในอาหารเสริมตามท้องตลาด มีคุณสมบัติทางเคมีไปยับยั้งการดูดซึมแอสตาแซนทินเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจาก Astaxanthin เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายได้ทั้งในน้ำและในน้ำมัน จะไม่สามารถดูดซึมจากสารในไฟเบอร์เหล่านี้ได้ หากทานพร้อมกันกับไฟเบอร์จะทำให้ร่างกายได้รับ Astaxanthin น้อยลง ควรเลือกทานอย่างใดอย่างหนึ่งจะปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่า

ข้อควรระวังในการทาน

แม้ว่าจะมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ในเรื่องความปลอดภัย แต่ก็ต้องระมัดระวังในการทาน ซึ่ง Astaxanthin มีผลข้างเคียงหลังจากการทาน หรือทาน Astaxanthin มากกว่า 48 mg ต่อวันขึ้นไป ทำให้ร่างกายมีความผิดปกติดังนี้

  1. ความผิดปกติหลังจากการทาน มากเกินไป ทำให้บางรายอาจอุจจาระมีสีแดง เนื่องจากตัวสารให้ฤทธิ์ต่อสีของอุจจาระเป็นสีแดงหรือชมพูโดยตรง
  2. ไม่ควรทาน ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องด้วยยังไม่มีข้อมูล ปริมาณ และความปลอดภัยในการทานสำหรับช่วงอายุนี้
  3. ในกลุ่มผู้ที่แพ้สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ อาจแพ้ Astaxanthin ด้วย เช่น อาจมีอาการคันตามร่างกาย บวม ลมพิษ บางรายมีอาการผดผื่นตามร่างกายอย่างเห็นได้ชัด
  4. ไม่ควรทานคู่กับยาสมุนไพร เนื่องจากมีปฏิกิริยาทำให้ความดันโลหิตต่ำลง
  5. ไม่ควรใช้ทานคู่กับยาลดฮอร์โมนเพศชาย เนื่องจากผลข้างเคียงทำให้หมดสมรรถภาพทางเพศ ไม่สามารถผลิตอสุจิและน้ำเลี้ยงได้ตามปกติ รวมถึงเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
  6. ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระดูกพรุน เพราะจะลดระดับแคลเซียมต่ำลง ซึ่งส่งผลต่อการสร้างมวลกระดูกลดลงได้

ทาน Astaxanthin อย่างไรให้ปลอดภัย

หากจะทาน Astaxanthin แม้ว่าจะปลอดภัย และไม่มีฤทธิ์ทางยาที่รุนแรงเท่ายาปฏิชีวนะ แต่ควรปรึกษาแพทย์ และเภสัชกรก่อนซื้อ เพื่อรับคำแนะนำในการทานแอสตาแซนทินให้เหมาะสมตามความต้องการของร่างกาย และได้รับในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยป้องกันผลข้างเคียงจากการทานแอสตาแซนทินได้ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อจะต้องประเมินความเสี่ยงก่อนจะเลือกซื้อ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงหลังจากการทานแอสตาแซนทินได้ 

อย่างไรก็ตาม Astaxanthin จะเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และมีการสังเคราะห์ในรูปแบบอาหารเสริม เพื่อทานเสริมในกรณีที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง จะต้องอ่านฉลากทุกครั้งก่อนทาน เพื่อดูปริมาณการทานที่เหมาะสมต่อร่างกายที่ควรได้รับ โดยสารเหล่านี้จะระบุปริมาณของอาหารเสริมในแต่ละฉลากไม่เท่ากัน เพื่อลดความเสี่ยงของการทานแอสตาแซนทินที่ไม่เหมาะสมต่อร่างกาย ในกรณีที่ซื้อทานเอง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาและช่วยรักษา ป้องกันอาการได้อย่างถูกจุดอีกด้วย

Source:

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top