มัลเบอร์รี่ (ลูกหม่อน) สรรพคุณ ผิว ประโยชน์ล้นเหลือ!

มัลเบอร์รี่  (Mulberry) หรือ ลูกหม่อน เป็นผลไม้สารพัดประโยชน์ที่อยู่ในตระกูลเบอร์รี่ เจริญเติบโตได้ดีในเขตอบอุ่นถึงเขตร้อนและมีรูปทรงกระบอก ผลเริ่มเป็นสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงเข้มเมื่อสุกจนเกือบดำ อย่างไรก็ตามในประเทศไทยเรียกว่า ลูกหม่อน และเป็นอาหารตามธรรมชาติของหนอนไหมเท่านั้น คนไทยนิยมเรียกชื่อนี้เพราะมีความสำคัญในอุตสาหกรรมผ้าไหม

ลูกหม่อนมีรสชาติอร่อยและต้องเก็บเมื่อสุกงอมเต็มที่ เมื่อสดจะให้รสหวานอมเปรี้ยว แต่ถ้าสีแดงสดเกินไปจะมีรสเปรี้ยวได้ ในทางกลับกัน เมื่อเข้มเกินไปอาจทำให้หวานและขมเกินไป ซึ่งจะทำให้ความอร่อยลดลง เกษตรกรสามารถเก็บขายได้กิโลกรัมละ 150 บาท ทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกขายได้ ลูกหม่อน อุดมไปด้วยสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ลูกหม่อน เป็นแหล่งวิตามินซีและสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ และมักพบในผลเบอร์รี่และผลไม้อื่นๆ แม้จะมีประโยชน์ทางโภชนาการ แต่ลูกหม่อนยังคงเป็นผลไม้ที่ถูกประเมินค่าต่ำไป และหลายคนไม่ทราบถึงประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ค้นพบความสุขของผลไม้ป่าชนิดนี้ยังคงเพลิดเพลินกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร

สารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการของลูกหม่อน

ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ ผลไม้ลูกเล็ก รสหวานและมีคุณค่าทางโภชนาการที่เต็มไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุในปริมาณมาก ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ 100 กรัม เป็นแหล่งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และวิตามินที่ละลายในไขมัน ปริมาณวิตามินในลูกหม่อนนั้นน่าทึ่ง โดยมีวิตามินซี 36.4 มิลลิกรัม และวิตามินที่สำคัญอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ, บี1, บี2, บี3, บี6 และ บี9 ผลไม้ลูกเล็กนี้ ยังเป็นแหล่งแร่ธาตุที่อุดมไปด้วย เช่น แคลเซียม เหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม โซเดียม และสังกะสี แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด

ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สารเควเซติน (Quercetin) และสารแคมเฟรอล (Kaempferol) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคต่างๆ ในร่างกายของเรา การบริโภคลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ไม่เพียงแต่ให้สารอาหารที่ครบถ้วนเท่านั้นแต่ยังมีคุณประโชน์อีกมากมายที่ช่วยป้องกันโรคต่างๆในร่างกายและบำรุงสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

ลูกหม่อน สรรพคุณ โทษ
ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่
ที่มาของรูปภาพ : freepik

ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและพลังงาน ลูกหม่อนเพียง 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 43 กิโลแคลอรี่ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

  • โคลีน (Choline) 87.4 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 10 มิลลิกรัม
  • เบตา แคโรทีน 9 ไมโครกรัม
  • โฟเลต (Folate) 6 ไมโครกรัม
  • ซีลีเนียม (Selenium) 0.6 ไมโครกรัม
  • แคลเซียม 39 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 38 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 18 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 3.64 มิลลิกรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 9.8 กรัม
  • โปรตีน 1.44 กรัม
  • ไขมัน 0.39 กรัม
  • โพแทสเซียม 194 มิลลิกรัม

นอกจากธาตุอาหารหลักแล้ว หม่อนยังเป็นแหล่งของแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นอีกด้วย  ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษาความดันโลหิตและสุขภาพของหัวใจ กระดูกและฟันที่แข็งแรงรวมถึงระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอีกด้วย

คุณประโยชน์ของ ลูกหม่อน

สรรพคุณของลูกหม่อน
ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่
ที่มาของรูปภาพ : freepik

ลูกหม่อนเป็นผลไม้ชั้นยอดที่ให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่เข้มข้นและคุณสมบัติที่พิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติของลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ในการส่งเสริมสุขภาพ ดังต่อไปนี้

ลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี

ลูกหม่อน สารอาหาร
ไขมันดีและไขมันเลว
ที่มาของรูปภาพ : paolohospital

ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโทไซยานิน(Anthocyanin)ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดไขมันเลว (LDL) ในร่างกายและเพิ่มไขมันดี (HDL) ดังนั้นการบริโภคลูกหม่อนจึงอาจช่วยป้องกันโรคที่มีคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีเป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด ในการศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Agricultural and Food Chemistry ในปี พ.ศ. 2554 มีการตรวจสอบคุณสมบัติของสารสกัดจากลูกหม่อนในการลดความอ้วนและยับยั้งไขมันพอกตับ นักวิจัยให้สารสกัดจากลูกหม่อนแก่หนูเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และพบว่าสารสกัดจากใบหม่อนอาจลดน้ำหนักและไขมันในช่องท้องของหนูได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดช่วยลด ไตรกลีเซอร์ไรด์ และกรดไขมันอิสระ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี 

อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่านี่เป็นการทดลองในสัตว์ และจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมและการทดสอบในมนุษย์เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของสารสกัดจากลูกหม่อนในการลดน้ำหนักและไขมันพอกตับในมนุษย์

ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

ประโยชน์ของลูกหม่อน
โรคมะเร็ง
ที่มาของรูปภาพ : medparkhospital

ลูกหม่อนมัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต้านมะเร็งหลายชนิด เช่น แอนโทไซยานิน ไซยานิดิน 3 กลูโคโคไซด์ (Anthocyanin, Cyanidin 3-glucoside) ไมริเซติน (Myricetin) และ รูทิน (Rutin) สารเหล่านี้อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ในความเป็นจริง การศึกษาวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Food and Drug Analysis ในปีพ.ศ.2563 พบว่าสารสกัดจากหม่อนอาจยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ ซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็งตับได้ นักวิจัยได้ให้สารสกัดจากน้ำหม่อนรักษามะเร็งเซลล์ตับแก่หนูทดลอง และพบว่าเซลล์มะเร็งในร่างกายของพวกมันมีขนาดเล็กกว่าหนูที่ไม่ได้บริโภค การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าโพลีฟีนอลที่สกัดจากผลหม่อนอาจมีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็งโดยกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งทำลายตัวเอง แม้ว่าการศึกษายังเป็นการทดลองในห้องปฏิบัติการ แต่แนะนำว่าสารสกัดจากหม่อนอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งตับ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการทดลองในมนุษย์มากขึ้นเพื่อยืนยันสิ่งนี้ โดยสรุปแล้ว การบริโภคมัลเบอร์รี่อาจเป็นวิธีป้องกันตามธรรมชาติและได้ผลดี

ส่งเสริมสุขภาพดวงตา

ลูกหม่อนสด
สุขภาพดวงตา
ที่มาของรูปภาพ : thaihealth

สารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารประกอบที่พบในผิวของ ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ และพบว่ามีคุณสมบัติกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในดวงตา ซึ่งหมายความว่าการบริโภคมัลเบอร์รี่อาจช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพตา เช่น จอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ ต้อหิน และเบาหวานขึ้นตา ในความเป็นจริง การวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients ในปี พ.ศ. 2559 ชี้ให้เห็นว่า resveratrol อาจมีประโยชน์มากกว่าเมื่อพูดถึงโรคตา การศึกษาทบทวนการศึกษาอื่น ๆ จำนวนหนึ่งที่ดูบทบาทของความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidative Stress)  และการอักเสบภายในร่างกายในการพัฒนาความผิดปกติของดวงตาในผู้สูงอายุ ความผิดปกติเหล่านี้อาจรวมถึงจอประสาทตาเสื่อม ต้อหิน ต้อกระจก และเบาหวานขึ้นตา ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ นักวิจัยพบว่า resveratrol อาจสามารถต่อสู้กับทั้งความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและการอักเสบภายในร่างกาย รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพดวงตา

ป้องกันภาวะความทรงจำบกพร่อง

ลูกหม่อนกินได้ไหม
ภาวะความทรงจำบกพร่อง
ที่มาของรูปภาพ : freepik

ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอยด์ ซึ่งทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติในการปกป้องเซลล์ประสาท สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องระบบประสาทจากความเสียหายที่เกิดจากสารพิษ นอกจากนี้ยังพบว่าหม่อนมีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบในระบบประสาท ซึ่งสามารถส่งเสริมการทำงานของสมองในด้านการรับรู้และความจำ ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับการลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและความจำเสื่อมในรูปแบบอื่นๆ งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร OxiMed & Cellular Longevity ฉบับปี พ.ศ. 2560 แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากหม่อนสามารถปรับปรุงการทำงานของสมองได้อย่างมีนัยสำคัญ การศึกษาเกี่ยวข้องกับหนูเพศเมียวัยหมดประจำเดือนที่แบ่งออกเป็นสามกลุ่มและให้สารสกัดจากหม่อนในปริมาณที่แตกต่างกันเป็นเวลาแปดสัปดาห์ ดังนี้

  • กลุ่มที่ 1 บริโภคสารสกัดลูกหม่อน 10 กรัม/น้ำหนักตัว
  • กลุ่มที่ 2 บริโภคสารสกัดลูกหม่อน 50 กรัม/น้ำหนักตัว
  • กลุ่มที่ 3 บริโภคสารสกัดลูกหม่อน 250 กรัม/น้ำหนักตัว

หลังจากช่วงทดลอง นักวิจัยได้ตรวจสอบสุขภาพสมองของหนูและพบว่าความหนาแน่นของเซลล์ประสาทในสมองของพวกมันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สมองส่วนความจำทำงานได้ดีขึ้น และความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งสามารถทำลายระบบประสาทส่วนกลางก็ลดลง

ดังนั้น นักวิจัยจึงชี้ให้เห็นว่า สารสกัดลูกหม่อนอาจมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ประสาท และส่งเสริมการทำงานของสมองในส่วนของความทรงจำได้

สรุป

ลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี่ (Mulberry) เป็นสมาชิกของตระกูลเบอร์รี่ที่ขึ้นชื่อเรื่องรูปลักษณ์และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ผลพวงเล็กๆ เหล่านี้มักมีสีแดงหรือแดงอมม่วง แต่เมื่อโตเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม สีดำ หรือแม้แต่สีดำ รสชาติของผลมัลเบอร์รี่มีรสหวานอมเปรี้ยว ทำให้เป็นส่วนผสมที่นิยมในของหวานสดและแปรรูป แยม และน้ำผลไม้ นอกจากความอร่อยแล้ว มัลเบอร์รี่ยังเต็มไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม ตัวอย่างเช่น มัลเบอร์รี่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล บำรุงสมอง และป้องกันมะเร็งได้ สรุปแล้ว มัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งสามารถรับประทานได้หลากหลายวิธี ทำให้เป็นอาหารเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาหารทุกประเภท

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน จากแหล่งที่มา

Scroll to Top