สเตียรอยด์ (Steroid) คือ หนึ่งในฮอร์โมนที่ร่างกายเรา สามารถที่จะผลิตขึ้นมาได้เอง โดยสร้างมากจากต่อมหมวกไตชั้นนอก (Adrenal cortex steroids) เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงาน ของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย ให้สามารถทำงานได้ตามปกติอยู่เสมอ เช่น ลดการปวด, ปรับความเครียด, ปรับความอ่อนเพลีย, ต้านการอักเสบ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถทำงานได้ตามปกติ และยังมีประโยชน์ มีความสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย
แต่การผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ ร่างกายสามารถที่จะผลิตได้ในปริมาณที่เล็กน้อยเพียงเท่านั้น ทางการแพทย์จึงได้มีการใช้ยาสเตียรอยด์ หรือสเตียรอยด์สังเคราะห์ โดยเป็นการเลียนแบบสเตียรอยด์ที่ร่างกายสร้างขึ้น นำมาใช้ในการรักษา โดยกฎหมายกำหนดให้เป็นยาควบคุมพิเศษ เนื่องจากยาสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงอันตรายที่รุนแรงหากมีการใช้อย่างไม่ถูกต้อง การใช้ยาสเตียรอยด์จึงต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ และใช้อย่างถูกต้องเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย
สเตียรอยด์ คือ กลุ่มฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไต
“สเตียรอยด์” เป็นชื่อเรียกของกลุ่มฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไต เป็นฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากภายในร่างกายของเรา โดยหลักๆ แล้วมีฮอร์โมนอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ
- คอร์ติซอล (cortisol) ฮอร์โมนสำคัญที่สร้างมาจากต่อมหมวกไตส่วนนอก มีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อความเครียด อีกทั้งยังเพิ่มระดับความดันโลหิต เพิ่มระดับของแคลเซียม และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- แอลโดสเตอโรน (aldosterone) ฮอร์โมนสำคัญที่สร้างมาจากต่อมหมวกไตส่วนนอก มีบทบาทสำคัญในการระดับความดันโลหิต เพิ่มระดับของแคลเซียม อีกทั้งเพิ่มระดับสารน้ำของร่างกาย
และนอกเหนือไปจากนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายเกิดภาวะเครียดเกิดขึ้น ร่างกายจะทำการหลั่งสารสเตียรอยด์ออกมามากยิ่งขึ้น และในปัจจุบันวงการแพทย์นั้นได้มีการผลิตยาสเตียรอยด์ขึ้นมาใช้การรักษาโรคต่างๆ
หน้าที่การทำงานของ สเตียรอยด์ คืออะไร?
สเตียรอยด์ที่ผลิตขึ้นภายในร่างกายตามธรรมชาติ มีหน้าที่สำคัญในการช่วยให้ระบบอวัยวะ เนื้อเยื่อ และเซลล์ต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในผู้ป่วยที่ได้รับสเตียรอยด์ชนิดสังเคราะห์หรือยาสเตียรอยด์เข้าไปในร่างกาย หากได้รับในปริมาณที่พอดีและเหมาะสม ยาสเตียรอยด์จะออกฤทธิ์ในการช่วยลดอาการบวมแดง ลดการอักเสบ ลดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังและโรคหอบหืดได้ อีกทั้งสารสเตียรอยด์ยังออกฤทธิ์ลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
ยาสเตียรอยด์ แบ่งได้ตามรูปแบบของการใช้งาน
เนื่องด้วยคุณสมบัติในการรักษาของสารสเตียรอยด์ ที่สามารถใช้ในการรักษาโรคได้อย่างรวดเร็ว จึงได้มีการผลิตยาสเตียรอยด์ขึ้นมา และมีการผลิตยาสเตียรอยด์ออกมาในรูปแบบต่างๆ มากมายหลายรูปแบบ แต่สามารถแบ่งประเภทของยาสเตียรอยด์ออกมาได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
- สเตียรอยด์ประเภทใช้ภายนอก เป็นยาที่ใช้ออกฤทธิ์เฉพาะที่
- สเตียรอยด์ประเภทออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย หรือยารับประทานและยาฉีด
สเตียรอยด์ประเภทใช้ภายนอก (External Use)
ยาสเตียรอยด์ประเภทใช้ภายนอก (External Use) เป็นยาที่ใช้หวังผลในการรักษาที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่ ส่งผลให้ความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์เพื่อรักษาลดลง แต่ยังคงต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้
- ยาหยอดตา ใช้สำหรับรักษาการอักเสบที่ตา เยื่อบุตาขาวอักเสบ
- ยาพ่นจมูก ใช้สำหรับควบคุมอาการภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบ
- ยาสูดพ่นทางปาก ใช้สำหรับควบคุมอาการทางเดินหายใจ เช่น ใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด และผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง
- ยาทาทางผิวหนัง ใช้สำหรับกดภูมิคุ้มกัน หรือผู้ป่วยที่มีอาการผื่นแพ้ที่ผิวหนัง
ยาสเตียรอยด์ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic Use)
ยาสเตียรอยด์ประเภทออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย หรือยารับประทานและยาฉีด เป็นยาที่ใช้หวังผลในการรักษาที่ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย โดยใช้การฉีดหรือการรับประทาน ส่วนใหญ่แล้วใช้เพื่อลดการอักเสบภายใน หรือเพื่อกดภูมิคุ้มกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาตอยด์, ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตนเอง (SLE) หรือ ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ทางผิวหนังหรือทางเดินหายใจที่รุนแรง จำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ประเภทนี้ เพื่อให้อาการดีขึ้นโดยเร็วที่สุด เมื่ออาการดีขึ้นแล้วควรหยุดใช้ยาตามแพทย์สั่งทันที เนื่องจากหากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลข้างเคียงที่อันตรายร้ายแรงได้
สเตียรอยด์ ประโยชน์ ทางการแพทย์
ยาสเตียรอยด์ คือ ยาที่มีคุณสมบัติเพื่อใช้ในการรักษาการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการใช้ในปริมาณที่พอดีและเหมาะสม สามารถที่จะช่วยในการบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกิดจากโรคได้ อาทิเช่น อาการปวดในกลุ่มผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรืออาการอักเสบของผิวหนัง โดยยาสเตียรอยด์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ อาการปวด บวม แดง ร้อน ของเนื้อเยื่อภายในร่างกาย และออกฤทธิ์ในการกดภูมิคุ้มกันและลดไข้ ในบางกรณีอาจนำเอาสารสเตียรอยด์มาใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งบางชนิดควบคู่ไปกับการรักษาหลัก เรียกได้ว่าเป็นสารที่มีประโยชน์อย่างมากในทางการแพทย์ แต่หากนำเอามาใช้ผิดวิธีอาจได้รับโทษมากกว่าประโยชน์
ข้อควรระวังในการใช้ สเตียรอยด์ ผลข้างเคียง
ถึงแม้ว่ายาสเตียรอยด์ จะเป็นยารักษาที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลมากที่สุด แต่การใช้ยาสเตียรอยด์ในการรักษานั้น มักจะเป็นยาประเภทลำดับท้ายๆ ที่ถูกนำเอามาเลือกใช้ในการรักษา หรืออาจเป็นการใช้เพื่อรักษาในช่วงต้นที่เร่งด่วน เพื่อลดอาการ เนื่องจากยาสเตียรอยด์เป็นยาที่ค่อนข้างออกฤทธิ์รุนแรง และเป็นยาที่มีผลข้างเคียงที่อันตรายหากไม่ได้มีการใช้อย่างถูกวิธี
การใช้ยาสเตียรอยด์เพื่อทำการรักษาจึงควรใช้ตามคำแนะนำ และควรใช้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรหามาใช้เองเป็นอันขาด อย่างเช่น กรณีที่ได้มีการนำเอาสารสเตียรอยด์มาใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อ และใช้ในการเสริมสร้างสมรรถภาพให้แก่นักกีฬา นอกจากจะถือว่าผิดกฎในวงการกีฬาแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้ใช้อย่างมาก หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป
- อาจทำให้กระดูกเกิดความเปราะบางได้
- อาจทำให้เกิดต้อกระจก
- เพิ่มความอยากอาหาร
- อารมณ์แปรปรวน
- อาจส่งผลให้มีปัญหาในด้านของการนอนหลับ
นอกจากอาการผลข้างเคียงเหล่านี้แล้ว ยาสเตียรอยด์แต่ละชนิดยังมีผลข้างเคียงที่เจาะจงลงไปเฉพาะแต่ละชนิดอีก ยกตัวอย่างเช่น
ผลข้างเคียง ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
- อาจมีอาการอาหารไม่ย่อย หรืออาจมีอาการแสบร้อนกลางอก
- ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น
- มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน หรือ นอนไม่หลับ
- อาจส่งผลต่อพฤติกรรมและอาจมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไป
- เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสมากขึ้น
- ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง หรือาจเกิดโรคเบาหวาน
- โรคกระดูกพรุน
- ความดันโลหิตสูง
- เกิดอาการที่เรียกว่า “คุชชิ่ง ซินโดรม” (Cushing Syndrome)
- มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
- อาจเกิดปัญหาสุขภาพจิต
คุชชิ่ง ซินโดรม (Cushing Syndrome) คืออะไร?
กลุ่มอาการคุชชิ่ง ซินโดรม (Cushing Syndrome) มักพบบ่อยในผู้ที่ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ในปริมาณที่มากจนเกินไป หรือมีการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่นาน หรือผู้ที่ร่างกายอาจผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ออกมามากผิดปกติ โดยอาการคุชชิ่ง ซินโดรม สามารถสังเกตจากอาการที่แสดงได้ดังต่อไปนี้
- มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น แต่ความสูงเพิ่มขึ้นไม่มาก ทำให้มีรูปร่างอ้วนเตี้ย
- มีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า, บริเวณหลังคอ และบริเวณลำตัว ทำให้หน้าดูกลมคล้ายพระจันทร์
- มีไขมันสะสม
- มวลกล้ามเนื้อลดลง
- ผิวบาง ผิวแตกสีม่วงแดง เกิดเป็นรอยจ้ำได้ง่าย
หากเกิดความผิดปกติของร่างกาย มีลักษณะอาการดังกล่าว สามารถเข้ารับการวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยแพทย์ได้ทันที
ผลข้างเคียง ยาอะนาบอลิก-แอนโดรจีนิกสเตียรอยด์ (Anabolic-Androgenic Steroid: AAS)
ผลข้างเคียงในผู้ชาย
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- ศีรษะล้าน
- เต้านมขนาดใหญ่ขึ้น
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- มีสิวขึ้นมากผิดปกติ
- มีอาการปวดท้อง
ผลข้างเคียงในผู้หญิง
- ขนขึ้นดกตามใบหน้าและร่างกาย
- หน้าอกมีขนาดเล็กลง
- มีอาการบวมที่คลิตอริส (Clitoris)
- เสียงต่ำหรือทุ้มกว่าปกติ
- ความต้องการทางเพศสูงขึ้น
- ประจำเดือนผิดปกติ
- ผมร่วง
- มีสิวขึ้นมากผิดปกติ
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน จากแหล่งที่มา
- https://www.nhs.uk/conditions/steroids/#:~:text=Steroids%20are%20a%20man%2Dmade,redness%20and%20swelling%20(inflammation).
- https://www.versusarthritis.org/about-arthritis/treatments/drugs/steroids/
- http://www.med-afdc.net/wp-content/uploads/2016/11/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B2-Steroid.pdf
- https://ch9airport.com/cushing-syndrome/