แพ้เหงื่อตัวเอง คัน อาการของโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นจากความร้อน (ฉบับเข้าใจง่าย)

แพ้เหงื่อตัวเอง คัน อาการของโรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่ง ที่มีสาเหตุเกิดขึ้นจากความร้อน หรือเมื่อมีการทำกิจกรรมที่ส่งผลทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น อาทิเช่น การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เป็นต้น โดยเมื่ออุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นและมีเหงื่อไหลออกมา ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำการตอบสนองต่อส่วนประกอบของเหงื่อและมีการกระตุ้นให้เกิดตุ่มที่มีลักษณะนูนแดง, ตุ่มใส หรือมีลักษณะผื่นนูนแดงกระจายเป็นวง

โดยอาการลักษณะนี้สามารถที่จะเกิดขึ้นได้กับผิวหนังทุกส่วนที่มีรูขุมขน ซึ่งสามารถพบได้บ่อยอย่างมากที่บริเวณลำคอ, ต้นแขน และตามซอกพับผิวหนัง โดยทั่วไปอาการหรือภาวะแพ้เหงื่อตนเองนั้น สามารถที่จะหายได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ในกรณีที่พบว่าผื่นหรือตุ่มที่ขึ้นมีอาการที่รุนแรงขึ้น และอาจมีอาการอื่นร่วม อาทิเช่น หายใจไม่สะดวก, ปากบวม, ตาบวม หรือมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วน

โรคภูมิแพ้เหงื่อถูกกำหนดให้เป็นภาวะภูมิไวเกินประเภทที่ 1 ต่อสิ่งที่อยู่ในเหงื่อ และพบได้เฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังภูมิแพ้ (AD) และลมพิษจากโคลิเนอร์จิค (CholU)

แพ้เหงื่อตัวเองเป็นแบบไหน แพ้เหงื่อตัวเอง อาการ ที่เกิดขึ้นมีลักษณะอย่างไร?

ภาวะแพ้เหงื่อตัวเอง คือ ภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อส่วนประกอบของเหงื่อ โดยสารประกอบในเหงื่ออาจเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง อีกทั้งเหงื่อยังอาจทำให้ผิวหนังมีความอับชื้น เกิดการเสียดสีกันมากยิ่งขึ้น และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ส่งผลให้เกิดผื่นคันที่บริเวณผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก โดยผู้ที่มีอาการแพ้เหงื่อของตัวเองจะมีปฏิกิริยาที่ไวต่อเหงื่อ อาจทำให้เกิดอาการคันหรือเกิดผื่นผดซ้ำได้เมื่อมีเหงื่อออก โดยอาการที่พบได้ทั่วไปของโรคแพ้เหงื่อตัวเอง มีดังต่อไปนี้

ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นของ ภาวะแพ้เหงื่อตัวเอง

  1. มีอาการผื่นแดง ตุ่มใส ขึ้นที่บริเวณที่มีเหงื่อออก โดยเฉพาะที่บริเวณใบหน้า, ซอกคอ และซอกพับผิวหนัง
  2. มีอาการคันมากเมื่อมีเหงื่อออก
  3. บริเวณใบหน้า, ลิ้น, แขน หรือขา มีอาการบวมแดง
  4. ปวดศีรษะหรืออาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ
  5. รู้สึกหายใจลำบาก
  6. ปวดท้อง
รูปภาพประกอบจาก Freepik

การวินิจฉัย แพ้เหงื่อตัวเอง คัน โดยแพทย์

การวินิจฉัยโดยแพทย์เบื้องต้น แพทย์จะทำการสอบถามเกี่ยวกับประวัติโรคภูมิแพ้ต่างๆ อาทิเช่น โรคผิวหนังอักเสบ, โรคหอบหืด และ โรคภูมิแพ้อากาศ เป็นต้น เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นอาจเป็นหนึ่งในอาการที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยที่มีประวัติการเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคแพ้เหงื่อตัวเองได้ง่ายกว่าปกติ และแพทย์อาจมีการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะอาการของผื่นคันและอาการร่วมอื่น โดยแพทย์จะทำการตรวจดูอาการด้วยตาเปล่า และแนะนำวิธีการรักษาดูแลตัวเองในเบื้องต้น เช่น การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดเหงื่อ แต่ในกรณีที่มีการเข้าพบแพทย์ในช่วงที่อาการไม่มีความรุนแรงมาก แพทย์อาจให้ทำการทดสอบอาการด้วยการปั่นจักรยานอยู่กับที่เป็นระยะเวลาประมาณ 15 นาที หรือฉีดยาเมธาโคลีน (Methacholine) เพื่อให้หลอดลมหด และดูอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการทดสอบ

แพ้เหงื่อตัวเอง ยาทา ยากิน วิธีการรักษา

วิธีการรักษาภาวะแพ้เหงื่อตัวเอง สามารถทำการรักษาได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

  • รักษาด้วยการใช้ ยาแก้แพ้ (Antihistamine) ยารักษาภูมิแพ้หรือยาต้านฮีสตามีน อาทิเช่น ยาไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine), ยาลอราทาดีน (Loratadine), ยาเซทิริซีน (Cetirizine), ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) และ ยาเฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine) สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้อยู่ในขั้นที่ไม่รุนแรงมาก การรับประทานยาแก้แพ้จะช่วยบรรเทาอาการคันและผื่นคันที่เกิดขึ้นตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายได้
  • รักษาด้วยการ ฉีดยาอะดรีนาลีน (Adrenaline) ยาที่ใช้รักษาในกรณีที่ฉุกเฉิน ยกตัวอย่างเช่น ยาเอพิเนฟริน (Epinephrine) ใช้รักษาสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงที่อาจเสี่ยงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยยาจะช่วยในการขยายช่องทางเดินหายใจ, กระตุ้นความดันโลหิต และช่วยลดอาการบวมที่บริเวณใบหน้า

เมื่อมีภาวะ แพ้เหงื่อตัวเอง อาการ อย่างไรที่ควรเข้าพบแพทย์?

โดยทั่วไปแล้วอาการแพ้เหงื่อตัวเองมักเป็นอาการแพ้ที่ไม่รุนแรงมากนัก โดยอาการผื่นคันและผื่นแดงอาจมีการยุบและหายไปได้เองภายใน 30 นาที หรืออาจใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ในบางรายอาจใช้เวลานานถึง 24 ชั่วโมง แต่หากทำการดูแลตนเองเบื้องต้นแล้วพบว่าอาการแพ้ยังไม่ดีขึ้นหรืออาการแพ้มีลักษณะอาการที่แย่ลง จำเป็นต้องเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง โดยลักษณะอาการที่เกิดขึ้นหากมีอาการดังด้านล่าง ควรรีบเข้าพบแพทย์

  • ผิวหนังในบริเวณที่อักเสบเกิดอาการบวมขึ้นจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด หรือเมื่อมีการสัมผัสที่บริเวณผิวหนังแล้วมีความรู้สึกอุ่นร้อน ผิวหนังมีลักษณะแดง มีหนองไหลออกจากตุ่มหรือผื่น ควรเข้าพบแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำการวินิจฉัยและรับประทานยาหรือใช้ยาทาภายนอกเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
  • มีอาการอื่นร่วม อาทิเช่น ตาบวม, ปากบวม, รู้สึกแน่นหน้าอก, หายใจลำบาก และอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย โดยลักษณะอาการเหล่านี้เป็นอาการของภาวะแพ้ที่รุนแรงและฉับพลัน (Anaphylaxis) ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและทำการรักษาโดยด่วนที่สุด เนื่องจากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
รูปภาพประกอบจาก Freepik

แนวทางการป้องกันและวิธีการดูแลตนเอง เมื่อเกิดภาวะแพ้เหงื่อตัวเอง

ผู้ป่วยที่มีภาวะแพ้เหงื่อตัวเอง สามารถที่จะป้องกันและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการได้ อีกทั้งเมื่อมีอาการสามารถดูแลตนเองตามแนวทางนี้เพื่อให้อาการทุเลาลงเร็วมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาโดยแพทย์หรือเภสัชกร

  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจกระตุ้นให้เกิดเหงื่อและกระตุ้นให้เกิดอาการผื่นคัน
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักที่อาจเป็นสาเหตุการกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดี อาทิเช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน และควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัวไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเสียดสีของผิวหนังที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาการที่มีรสเผ็ดร้อน ที่เป็นสาเหตุในการกระตุ้นให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
  • อาบน้ำในอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงและงดการอาบน้ำอุ่นที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดหรือการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าวเป็นระยะเวลานาน
  • เมื่อมีเหงื่อออกตามร่างกายไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ในการทำกิจกรรมที่มีเหงื่อเมื่อทำกิจกรรมเสร็จควรอาบน้ำทันที และรีบซับตัวให้แห้งสนิท
  • ปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้านให้มีอากาศถ่ายเท สามารถระบายอากาศได้ดี
  • รักษาความสะอาดเครื่องนอนและปลอกหมอนเป็นประจำ เนื่องจากคราบเหงื่อหรือคราบน้ำลายสะสมอาจทำให้เกิดผื่นคันได้

สรุป

สาเหตุหลักของภาวะแพ้เหงื่อตัวเอง คือ “ความร้อน” และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำการตอบสนองต่อส่วนประกอบของเหงื่อ โดยผู้ที่มีอาการแพ้เหงื่อของตัวเองจะมีปฏิกิริยาที่ไวต่อเหงื่อ ดังนั้นหากผู้ป่วยมีการทำกิจกรรมที่อาจกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ อยู่ในสถานที่ที่มีความร้อนชื้น หรือมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ อาจทำให้เกิดอาการผื่นคัน ผื่นแดง เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้

โดยทั่วไปแล้วอาการแพ้เหงื่อตัวเองนั้น เป็นลักษณะอาการของโรคผิวหนังที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ในกรณีที่มีอาการแพ้ขั้นรุนแรงที่สังเกตได้จากอาการผื่นคันที่รุนแรงขึ้น หรืออาการผื่นคันที่เกิดจากการแพ้นั้นมีอาการอื่นร่วมด้วยดังที่กล่าวในข้างต้น กล่าวคือ อาการแพ้อาจเป็นอันตรายร้ายแรงโดยอาจรุนแรงถึงชีวิตได้

ดังนั้นการรู้เท่าทันถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา จะสามารถช่วยให้ผู้ที่มีอาการแพ้เหงื่อตัวเอง หรือผู้ที่มีภาวะแพ้เหงื่อตัวเอง สามารถที่จะสังเกตอาการตนเองและเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอาการแพ้เหงื่อตัวเองไม่ต้องตกใจแต่อย่างใด เพียงหลีกเลี่ยงปัจจัยความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอาการ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลและมีสุขภาพที่ดีได้เช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน จากแหล่งที่มา

Scroll to Top