คันตามตัว ผื่นคัน ผื่นแดง อาการภูมิแพ้ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง?

คันตามตัว ผื่นคัน ผื่นแดง หนึ่งในอาการของโรคภูมิแพ้ ที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติต่อสารก่อภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นรอบตัว ที่ร่างกายได้มีการสัมผัสหรือบริโภค อาทิเช่น เกสรดอกไม้, ขนสัตว์, น้ำหอม, อาหาร เป็นต้น และรวมไปถึงสารเคมีที่ปรากฏในชีวิตประจำวันเอง ก็ล้วนทำให้เกิดอาการแพ้คันระคายผิวได้เช่นเดียวกัน เมื่อร่างกายได้มีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการ ผื่นแพ้ คันตามตัว เป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อยในการแพ้

โดยอาการ คันตามตัว ผื่นคัน ผื่นแดงขึ้นตามตัว นอกจากจะเป็นอาการที่กวนใจแล้ว ผื่นคันนี้ยังเป็นหนึ่งในสัญญาณของร่างกายที่บอกถึงอาการป่วยภายในที่ไม่อาจมองข้าม โดยอาการผื่นแพ้ ผื่นคัน สามารถแบ่งย่อยได้ตามลักษณะอาการ 6 รูปแบบ และมีวิธีการรักษาอาการที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป

รู้ถึงสาเหตุและ คันตามตัว อาการภูมิแพ้

ภูมิแพ้ คือ การตอบสนองอย่างผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารต่างๆ หากผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ได้มีการสัมผัสต่อสารก่อภูมิแพ้ ส่งผลให้มีอาการป่วยหรืออาการผิดปกติตามมา และในบางกรณีหากมีอาการที่รุนแรงหรือไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ตัวอย่าง สารก่อภูมิแพ้ที่มักพบว่าเป็นสาเหตุของภูมิแพ้

  1. อาหาร อาทิเช่น กุ้ง, หอย, ปู, ถั่ว, นม, ไข่
  2. วัคซีน เช่น วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
  3. สารที่แพร่กระจายได้ในอากาศ อาทิเช่น เกสรดอกไม้, ไรฝุ่น, ขนสัตว์, เชื้อรา
  4. พิษของแมลง อาทิเช่น มด, ผึ้ง, ตัวต่อ
  5. ยางพาราซึ่งเป็นส่วนประกอบของวัตถุต่างๆ ที่อาจพบได้ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น ถุงมือยาง, ถุงยางอนามัย
  6. ยาบางชนิด

อาการภูมิแพ้ ที่มักพบได้บ่อย

  1. มีผื่นขึ้นตามร่างกาย
  2. ผิวแห้ง ลอก แดง เป็นขุย
  3. มีอาการคันตามผิวหนัง
  4. จาม
  5. น้ำมูกไหล
  6. อาจมีอาการท้องร่วง ในกรณีที่เกิดจากการแพ้อาหาร
  7. ผิวหนังบวมผิดปกติ ในกรณีที่เกิดจากการถูกแมลงกัดหรือต่อย
  8. หายใจลำบาก
  9. หัวใจเต้นเร็ว
  10. ความดันโลหิตต่ำ
  11. คลื่นไส้ อาเจียน
  12. เวียนศีรษะ
  13. ปากบวมหรือคันรอบปาก

คันตามตัว รูปแบบที่ 1 ผื่นคัน ผื่นแดงขึ้นตามตัว

ผื่นคัน ผื่นแดงขึ้นตามตัว Exanthematous (Morbilliform) คือ ลักษณะอาการของผื่นแพ้ ผื่นคัน ที่สามารถพบได้ทั่วไป และเป็นลักษณะอาการที่สามารถพบได้บ่อย กล่าวคือ ผิวหนังบริเวณที่มีการแสดงอาการจะปรากฏผื่นที่มีลักษณะแดงหรือตุ่มใส มีอาการคัน และอาจมีการตกสะเก็ดร่วมด้วยในบางครั้ง โดยสาเหตุของการเกิดผื่นแพ้ลักษณะนี้มีด้วยกันหลายสาเหตุ อาทิเช่น

  • เกิดขึ้นจากโรคผิวหนัง
  • การติดเชื้อบางอย่าง
  • แมลงสัตว์กัดต่อย
  • การแพ้ฝุ่น
  • การแพ้ยา
  • การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง
  • ภาวะความเครียด
ผื่นแดงขึ้นตามตัว Exanthematous (Morbilliform) รูปภาพประกอบจาก Pantip

คันตามตัว รูปแบบที่ 2 ผื่นคันชนิดตุ่มน้ำ

ผื่นแพ้  ผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (Dyshidrotic Eczema) คือ ลักษณะอาการของผื่นผิวหนังเรื้อรังที่เป็นๆ หายๆ โดยลักษณะอาการของผื่นแพ้ชนิดนี้ จะมีลักษณะเป็นตุ่มใสๆ แข็งๆ และมักจะพบได้บ่อยที่บริเวณฝ่ามือ, ฝ่าเท้า, ง่ามนิ้วมือ และง่ามนิ้วเท้า โดยผื่นลักษณะนี้เป็นผื่นแพ้ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับ โรคภูมิแพ้, ภาวะการระคายเคือง หรือการแพ้ต่อสารสัมผัส ส่วนใหญ่แล้วอาการของผื่นแพ้ชนิดนี้นอกจากมีตุ่มเกิดขึ้นแล้วมักที่จะพบอาการคันร่วมด้วย

ผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำ (Dyshidrotic Eczema) รูปภาพประกอบจาก alomedika

ผื่นแพ้ รูปแบบที่ 3 ผื่นคัน ผื่นแดง ผื่นลมพิษ

ผื่นลมพิษ (Urticaria) เป็นลักษณะอาการแพ้ที่มีอาการคันร่วมด้วย โดยลักษณะอาการของผื่นชนิดนี้ จะมีลักษณะผื่นที่ขึ้นเป็นปื้นนูนแดง ไม่มีขุย โดยจะมีทั้งขนาดที่เล็กและขนาดที่ใหญ่ที่มีความกว้างอยู่ที่ราว 10 ซม. และเป็นผื่นชนิดที่สามารถลุกลามได้เร็ว แต่จะปรากฏอยู่ที่บริเวณผิวหนังเพียงชั่วขณะ โดยส่วนมากแล้วจะอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง และสามารถที่จะเกิดขึ้นซ้ำได้บ่อย ในกรณีของผู้ที่ป่วยมีโรคประจำตัว เมื่อพบว่ามีอาการ ผื่นคัน ผื่นแดง มีผื่นขึ้นในลักษณะของผื่นลมพิษ หากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยทันที

  1. มีอาการปวดท้อง
  2. แน่นจมูก
  3. หอบเหนื่อย
  4. หายใจไม่สะดวก
ผื่นลมพิษ (Urticaria) รูปภาพประกอบจาก reflab.dk

ผื่นแพ้ รูปแบบที่ 4 ผื่นคัน ผื่นแดง ที่มีลักษณะเป็นเส้นใยเล็กๆ

ผื่นคัน ผื่นแดงที่มีลักษณะเป็นเส้นใยเล็กๆ (Livedo Reticularis) คือ ลักษณะอาการของผื่นที่พบได้ไม่บ่อย โดยมีสาเหตุมาจากโรคหลอดเลือดอักเสบ ที่ส่งผลให้ระบบไหลเวียนของเส้นเลือดทำงานผิดปกติ ลักษณะอาการของผื่นแดงที่มีลักษณะเป็นเส้นใยเล็กๆ อาจมีลักษะเป็นผื่นนูนเป็นจ้ำเลือด หรือมีลักษณะเป็นผื่นลายร่างแห ตลอดจนมีตุ่มที่กดแล้วให้ความรู้สึกเจ็บที่ผิวหนัง ซึ่งผื่นรูปแบบนี้อาจเกิดเป็นแผลเรื้อรังและอาจมีการตายของเนื้อเยื่อหากเกิดการขาดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย อาทิเช่น ปลายนิ้วมือ, ปลายนิ้วเท้า, ใบหู และ ปลายจมูก เป็นต้น

ผื่นแดงที่มีลักษณะเป็นเส้นใยเล็กๆ (Livedo Reticularis) รูปภาพประกอบจาก verywellhealth

รูปผื่นคันต่างๆ รูปแบบที่ 5 ผื่นคันที่ขา มีจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง

ผื่นมีจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (Vasculitis) โดยส่วนใหญ่ผื่นชนิดนี้มักพบที่บริเวณขา กล่าวคือ ลักษณะอาการที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยอักเสบ โดยอาการของผื่นชนิดนี้มีด้วยกันหลายรูปแบบ อาทิเช่น เกิดตุ่มที่มีลักษณะนูนแดง กดแล้วสีแดงไม่จาง, ตุ่มพองมีเลือดออกภายในแตกเป็นแผล, เป็นผื่นลักษณะสีม่วงแดง, เป็นผื่นที่มีลักษณะเป็นร่างแหหรือมีลักษณะคล้ายตาข่ายเส้นเลือดอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งต้นตอของผื่นลักษณะนี้นั้นอาจเกิดขึ้นมาได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ในบางรายอาจเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทราบสาเหตุอย่างแน่ชัด หรืออาจเกิดขึ้นได้จากการที่ผู้ป่วยเป็นโรคออโตอิมมูน (Autoimmune disease) เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) และโรคติดเชื้อ อาทิเช่น วัณโรค (Tuberculosis : TB) และ เชื้อไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis B virus) เป็นต้น

ผื่นมีจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง (Vasculitis) รูปภาพประกอบจาก pacificrheumatologycenter

ผื่นแพ้ รูปแบบที่ 6 ผื่นคัน มีตุ่มใส พอง เหมือนมีน้ำอยู่ข้างใน

ผื่นตุ่มใส เหมือนมีน้ำอยู่ข้างใน (Vesiculobullous Eruption) คือ ลักษณะของผื่นที่มีตุ่มใส ที่มีน้ำอยู่ภายใน และสามารถสังเกตได้ชัดโดยที่ไม่ใช่แค่ผื่นที่มีลักษณะเล็กๆ โดยมักพบกระจายอยู่ตามตัว ผื่นตุ่มใสเหมือนมีน้ำอยู่ข้างในอาจมีการเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้

  1. โรคออโตอิมมูน (Autoimmune diseases) หรือ โรคภูมิคุ้มกันในร่างกายต่อต้านตัวเอง
  2. การติดเชื้อบางชนิด อาทเช่น โรคเริม (Herpes) และโรคอีสุกอีใส (Chickenpox)
  3. เกิดจากกรรมพันธุ์
  4. การสัมผัสสารที่ก่อการระคายเคือง เช่น สารเคมีที่พบได้ในชีวิตประจำวัน
  5. ภาวะความผิดปกติอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน (Diabetes), โรคอะไมลอยด์โดสิส (Amyloidosis) และโรคพอร์ไฟเรีย (Porphyria)
ผื่นตุ่มใส เหมือนมีน้ำอยู่ข้างใน (Vesiculobullous Eruption) รูปภาพประกอบจาก sciencedirect

อาการภูมิแพ้ ผื่นคัน ผื่นแดง เมื่อไหร่ที่ควรเข้าพบแพทย์?

โดยทั่วไปแล้วอาการผื่นคัน ผื่นแดง ที่เกิดจากอาการภูมิแพ้นั้น สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรับประทานยาแก้แพ้ แต่ในกรณีรับประทานยาแก้แพ้แล้วอาการต่างๆ ไม่ทุเลาลง หรือสังเกตอาการตนเองแล้วพบว่ามีอาการแพ้อื่นๆ ที่มีความรุนแรงร่วมด้วย อาทิเช่น อาเจียน, เวียนศีรษะ, หายใจลำบาก หรือลักษณะอาการของผื่นคันที่เกิดขึ้น มีลักษณะตรงกับรูปแบบที่ 4, 5 และ 6 ซึ่งเป็นลักษณะของผื่นที่มีความรุนแรง ไม่ควรชะล่าใจ ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการวินิจฉัยและเพื่อทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที

รวมถึงผู้ที่พบว่าตนเองเกิด อาการคันตามตัว หรือเกิด ผื่นแพ้ ขึ้นซ้ำบ่อยด้วยเช่นเดียวกัน โดยแพทย์อาจทำการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ โดยการซักประวัติสุขภาพ, การสัมผัสสาร และการบริโภคอาการ เพื่อหาต้นเหตุของอาการตามแนวทางต่อไป

  • ตรวจเลือด แพทย์นำตัวอย่างเลือดไปทดสอบการตอบสนองแอนติบอดีในเลือดกับสารก่อภูมิแพ้
  • ตรวจภูมิแพ้ด้วยวิธีการสะกิดผิวหนัง โดยแพทย์จะทำการหยดสารที่สกัดจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ลงบนแขนของผู้ป่วย และใช้เข็มที่ผ่านการฆ่าเชื้อจิ้มในบริเวณที่หยดสารสกัดเบาๆ โดยไม่ทำให้เลือดออก หากแขนของผู้ป่วยแดงหรือมีลักษณะเป็นตุ่มบวม ให้ผลปรากฏว่าแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นๆ

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน จากแหล่งที่มา

Scroll to Top