โรคซึมเศร้า (Depression) เป็นอาการของสมองเกิดความผิดปกติในการหลั่งสารที่เรียกว่า “เซโรโทนิน (Serotonin)” ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งทำหน้าที่ควบคุมความรู้สึกต่าง ๆ ของสมองและระบบประสาทภายในร่างกาย เช่น ความเจ็บปวด ความหิว ความสุข ความเครียด ฯลฯ เมื่อร่างกายหลั่งสารเซโรโทนินลดลง ทำให้สารเคมีภายในสมองและระบบประสาทขาดสมดุล ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้
โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร
โรคซึมเศร้า (Depression) เกิดจากการหลั่งสารเซโรโทนินผิดปกติ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้ร่างกายหลั่งสารเซโรโทนินผิดปกติ ทางการแพทย์แบ่งเป็น 2 ปัจจัย ดังนี้
- ปัจจัยทางกายภาพ หมายถึง สิ่งที่ไม่มีชีวิตที่กระทบต่อการหลั่งสารเซโรโทนิน จากการวินิจฉัยของแพทย์ พบว่ามีปัจจัยทางกายภาพ ดังนี้
- กรรมพันธุ์ เป็นการส่งต่อกันทางพันธุกรรม สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าชนิดเรื้อรัง อาการกำเริบบ่อยครั้ง ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ มักมีความเสี่ยงที่จะส่งต่อภาวะที่ร่างกายหลั่งสารเซโรโทนินผิดปกติได้
- เซลล์รับสารเคมีทำงานบกพร่อง ส่งผลให้สารเซโรโทนินไม่สามารถกระจายไปตามระบบประสาทต่าง ๆ ได้ตามปกติ สมองและระบบประสาทจึงได้รับสารดังกล่าวลดน้อยลง เป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าได้
- ปัจจัยทางชีวิภาพ หมายถึง สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อกระทบต่อสมองและระบบประสาท จากการวินิจฉัยของแพทย์ พบว่ามีปัจจัยทางชีวภาพ ดังนี้
- เกิดความเครียดสะสมเป็นระยะเวลานาน
- การสูญเสียสิ่งที่รักครั้งใหญ่กะทันหัน
- สภาพแวดล้อมภายในครอบครัว
- ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมีปัญหา
- สถานการณ์อื่น ๆ ที่ส่งผลลบต่อจิตใจ
ประเภทของโรคซึมเศร้า มีอะไรบ้าง
โรคซึมเศร้า (Depression) มีผลต่ออารมณ์และความคิดโดยตรง โดยทางการแพทย์แบ่งโรคซึมเศร้าเป็น 2 ประเภท ต่อไปนี้
- โรคซึมเศร้าแบบขั้วเดียว (Mania) หมายถึง ผู้ป่วยแสดงอาการซึมเศร้ารูปแบบเดียว อารมณ์เศร้าคงที่ไม่แปรปรวน
- โรคซึมเศร้าแบบสองขั้ว หรือ ไบโพลาร์ (Bipolar) หมายถึง ผู้ป่วยแสดงออกทางอารมณ์ไม่คงที่ อารมณ์แปรปรวนบ่อยครั้ง โดยไม่ทราบสาเหตุ
โรคซึมเศร้ามีกี่ระดับ อะไรบ้าง
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีความรุนแรงของอาการซึมเศร้าตามระยะเวลาความผิดปกติของการหลั่งสารเซโรโทนิน ซึ่งแพทย์แบ่งระดับของโรคซึมเศร้า เป็น 7 ระดับ ต่อไปนี้
- อารมณ์เปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยมีอาการเศร้า เสียใจ เคยทำกิจกรรมที่ชื่นชอบแล้วมีความสุข เมื่อกลับมาทำกิจกรรมซ้ำอีกครั้งกลับไม่มีความสุข รู้สึกเบื่อกับทุกกิจกรรม ผู้ป่วยบางรายมีอารมณ์รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- ความคิดเปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะมองโลกในแง่ลบ แม้บางครั้งเป็นสถานการณ์ที่ดี แต่ความคิดกลับคิดลบ ตั้งแง่ และเกิดความทุกข์ใจ หวัดระแวงทุกสิ่งรอบกาย
- ไม่มีสมาธิ ความจำสั้นลง มีอาการเหม่อลอย วางสิ่งของแล้วลืมทันที เป็นอาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- อาการทางร่างกายเปลี่ยนแปลง ร่างกายอ่อนแรง นอนหลับไม่สนิท หรือผู้ป่วยบางรายนอนนานผิดปกติ เช่น นอน 10-12 ชั่วโมง แต่รู้สึกอ่อนเพลียและอยากนอนมากขึ้น ไม่มีแรงบันดาลใจในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เหมือนที่ผ่านมา
- ความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างเปลี่ยนแปลง เมื่ออาการซึมเศร้ารุนแรงขึ้น ผู้ป่วยไม่มีความร่าเริงสดใส สภาพจิตใจคิดลบตลอดเวลา และไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากพบปะผู้คน ผู้ป่วยบางรายอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงส่งผลให้มีปัญหากับบุคคลรอบข้างเป็นประจำ
- การทำงานมีประสิทธิภาพแย่ลง ผู้ป่วยไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ไม่มีสมาธิ การคิด วิเคราะห์ต่าง ๆ แย่ลงอย่างชัดเจน
- ปัญหาสุขภาพทางจิต หรือ โรคจิต เมื่อผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้ารุนแรง ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี ส่งผลรุนแรงจนเป็นปัญหาสุขภาพจิตได้ในที่สุด
เช็คอาการโรคซึมเศร้า อย่างไร
โรคซึมเศร้า (Depression) สามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นจากการสังเกตพฤติกรรมและทำแบบสอบถามออนไลน์ ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้
- การสังเกตพฤติกรรม แบ่งออกเป็น 9 พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า ดังนี้
- รู้สึกเศร้า เบื่อหน่าย หรืออารมณ์แปรปรวนบ่อยครั้ง โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
- ไม่อยากทำกิจกรรมใด ๆ จากกิจกรรมที่ชื่นชอบก็ไม่อยากทำ
- ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป บางรายเบื่ออาหาร บางรายความอยากอาหารมากขึ้น
- นอนหลับไม่สนิท สะดุ้งตื่นในเวลากลางคืนเป็นประจำ
- ความกระตือรือร้นลดลง การวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ช้าลง
- ร่างกายอ่อนเพลีย สภาพจิตใจไม่พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำ
- รู้สึกด้อยค่าตนเอง คิดลบและวิตกกังวลทุกสถานการณ์
- สมาธิสั้น ความจำระยะสั้นแย่ลง
- คิดอยากทำร้ายตนเอง
- การตอบแบบสอบถามออนไลน์ฟรี ของ เว็บไซต์ BIOCIAN เพื่อประเมินอาการซึมเศร้า โดยภายในเว็บไซต์ประกอบด้วย 9 คำถาม แต่ละคำถามผ่านการวิจัยจากหน่วยงานด้านสุขภาพมากกว่า 50 ท่าน ส่งผลให้การทำแบบประเมินอาการซึมเศร้าเชื่อถือได้ เมื่อทำแบบทดสอบจนครบทุกข้อคำถาม หน้าเว็บไซต์แสดงผลการทดสอบ พร้อมคำแนะนำซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน
แนะนำ ตรวจโรคซึมเศร้า แบบทดสอบโรคซึมเศร้า (PHQ-9)
การรักษาโรคซึมเศร้ามีกี่วิธี อะไรบ้าง
โรคซึมเศร้า (Depression) ไม่สามารถยืนยันโรคด้วยตนเองได้ แม้ว่าจะทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าออนไลน์ร่วมกับการสังเกตพฤติกรรม ซึ่งอาการและแบบทดสอบชี้วัดว่ามีอาการของโรคซึมเศร้า ผู้ที่มีอาการต้องเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์อีกครั้ง เพื่อการรักษาที่ถูกวิธี
โดยการรักษาโรคซึมเศร้าของแพทย์ แบ่งเป็น 3 วิธี มีรายละเอียดต่อไปนี้
- การรักษาโรคซึมเศร้าด้วยยา สำหรับยารักษาอาการซึมเศร้าแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- ยากลุ่มต้านเศร้า (Antidepressants) เป็นยาพื้นฐานสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เพื่อลดความตึงเครียด ให้แพทย์และผู้ป่วยสามารถรักษาอาการซึมเศร้าร่วมกันได้ง่ายขึ้น หากผู้ป่วยยังมีความกังวล เครียด การรักษาของแพทย์ยากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยอาจจะไม่ทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ และจิตใจไม่พร้อมเรียนรู้วิธีปรับทัศนคติ ความคิดต่าง ๆ ในทางที่ดีขึ้น
- ยากลุ่มอื่น ๆ (Other Medications) เป็นยารักษาอาการซึมเศร้าเฉพาะอาการ เช่น ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีอาการสมาธิสั้นร่วมด้วย แพทย์จะจ่ายยาสมาธิสั้นให้เพิ่มเติม เป็นต้น
- การรักษาแบบจิตบำบัด เป็นวิธีการรักษาที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ให้ผู้ป่วย โดยการเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้ป่วย หรือชี้แนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ผู้ป่วยสามารถนำไปใช้ในการจัดการปัญหาที่ก่อให้เกิดความตึงเครียด
- การรักษารูปแบบอื่น ๆ เช่น การกระตุ้นด้วยไฟฟ้าให้การหลั่งสารเซโรโทนินสมดุล หรือการกระตุ้นเส้นประสาทเวกัส เป็นต้น
ยาโรคซึมเศร้า มีอะไรบ้าง
ยารักษาอาการโรคซึมเศร้า แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ยากลุ่มลดความเครียดและยารักษาตามอาการของผู้ป่วย ประกอบด้วย Amitriptyline, Nortriptyline, Imipramine, Doxepine, Clomipramine, Trazodone, Mianserin, Fluoxetine, Fluvoxamine, Paroxetine, Escitralopram ,Sertraline, Venlafaxine, Mirtazapine, Tianeptine, Bupropion, Duloxetine เป็นต้น
ปัจจุบันยารักษาโรคซึมเศร้ายังมีการวิจัยและพัฒนาหลากหลายชนิด แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและเลือกยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ผู้ป่วยไม่สามารถสั่งซื้อยาเองได้ เนื่องจากผลข้างเคียงจากการใช้ยาผิดวิธี มีดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- กระวนกระวาย
- อ่อนเพลีย ง่วงซึมตลอดเวลา
- ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ
- ปากแห้ง คอแห้ง เป็นต้น
วิธีรักษาโรคซึมเศร้าด้วยตนเอง
เมื่อป่วยเป็นโรคซึมเศร้า นอกจากการพบแพทย์เพื่อรับยารักษาอาการโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยสามารถรับมือกับอาการได้ด้วยตนเอง ดังนี้
- เรียนรู้วิธีผ่อนคลายความเครียดของตนเอง
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความสุขออกมาเพื่อช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า
- บริหารเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันให้หลากหลาย
- หลีกเลี่ยงการตัดสินใจครั้งสำคัญหรืออยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน
- ทำความเข้าใจกับบุคคลใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาขัดแย้งภายในครอบครัว
- ให้เวลากับตนเอง เรียนรู้และทำกิจกรรมใหม่ ๆ เสมอ
การป้องกัน โรคซึมเศร้า
ปัจจุบันโรคซึมเศร้าปัญหาสุขภาพใกล้ตัวทุกวัย ซึ่งการป้องกันตนเองไม่ให้เกิดโรคซึมเศร้า สามารถป้องกันได้ 3 วิธีต่อไปนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน การหลั่งสารเซโรโทนินจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ขณะที่ออกกำลังกายร่างกายมีการขับของเสียและหลั่งฮอร์โมนความสุข ช่วยลดความเครียด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน ฝึกสมาธิ และการคิดบวกเป็นประจำ ป้องกันการเกิดโรคซึมเศร้าได้ระยะยาว
สรุป
โรคซึมเศร้า (Depression) เป็นอาการของสมองเกิดความผิดปกติในการหลั่งสารเซโรโทนิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความรู้สึกของสมองและระบบประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้า บางรายอารมณ์ฉุนเฉี่ยวรุนแรง จนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในที่สุด โดยวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการโรคซึมเศร้า คือ ทานยาควบคุมอาการปรับเปลี่ยนทัศนคติความคิดร่วมกัน ส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพ โอกาสการกำเริบของโรคซึมเศร้าซ้ำในระยะยาวลดลง
ที่มา