สิวที่หลัง สาเหตุ อาการ วิธีรักษาสิวที่หลัง แบบเจาะลึก!!!

สิว ไม่เพียงเกิดขึ้นได้แค่บนใบหน้าเท่านั้น สิวที่หลัง เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ และเป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย อีกทั้งยังสามารถเกิดขึ้นได้บนทุกๆ ส่วนของร่างกาย เป็นหนึ่งในปัญหากวนใจที่ทำให้หลายๆ คน เกิดความรำคาญอย่างมากเลยทีเดียว และสิวในแต่ละตำแหน่งที่เกิดขึ้นอาจสร้างความไม่มั่นใจที่แตกต่างกันออกไป อย่าง การเกิดสิวที่หลัง อาจสร้างความไม่มั่นใจในการแต่งตัว ความไม่มั่นใจในแผ่นหลังอาจทำให้ไม่กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าที่ต้องเปิดหรือโชว์แผ่นหลัง แต่ถ้าหากเรารู้ถึงสาเหตุ อาการ และวิธีรักษาสิวที่หลังอย่างถูกวิธี ปัญหาเหล่านี้จะไม่สามารถสร้างความรำคาญใจให้กับคุณได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะในตอนนี้หรือในอนาคตก็ตาม

สิวที่หลังเกิดจาก สาเหตุอะไรบ้าง?

สิวบริเวณแผ่นหลัง มีสาเหตุปัจจัยการเกิดสิวหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุหลักในการเกิดสิวนั้นมักมาจากสิ่งสกปรกและน้ำมันซีบัม (Sebum) ที่มีการอุดตันในรูขุมขน หากร่างกายผลิตน้ำมันมากเกินไป อาจทำให้เกิดสิวบริเวณแผ่นหลังได้ และนอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ อย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายของวัย 20 ปลาย ไปจนถึงผู้ที่มีวัย 30 ปีได้เช่นเดียวกัน

รูปภาพประกอบจาก https://www.usdermatologypartners.com/blog/how-to-get-rid-of-back-acne/

สาเหตุอื่นที่ส่งผลให้เกิดปัญหา สิวที่หลังเยอะมาก

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย ที่เป็นฮอร์โมนเพศชาย อย่าง เทสโทสเตอโรน (Testosterone) และแอนโดรเจน (Androgen) เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้การทำเงินของระบบไหลเวียนเลือดเสียสมดุล ส่งผลให้ต่อมไขมันขยาย และร่างกายจะผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้มีน้ำมันส่วนเกินบนผิว เป็นแหล่งรวมเชื้อแบคทีเรีย และอาจนำไปสู่การเกิดสิวบริเวณหลังได้
  • กรรมพันธุ์ หากในครอบครัว อาทิเช่น พ่อ, แม่ , พี่ มีปัญหาสิว หรือเคยมีประวัติสิวขึ้นบริเวณหลัง อาจเป็นสาเหตุที่ส่งต่อภายในครอบครัว ที่ทำให้คุณมีแนวโน้มในการเกิดสิวบริเวณดังกล่าวได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
  • การใช้ยาบางชนิด อย่างเช่น ยาในกลุ่มของคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids), เทสโทสเตอโรน (Testosterone) และลิเทียม (Lithium) อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดสิวบริเวณหลัง
  • การรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต จำพวก ขนมปัง, มันฝรั่ง, ข้าวขาว อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิวที่หลัง โดยการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดไปกระตุ้นการเกิดสิวได้
  • ความเครียด ถึงแม้ความเครียดจะไม่ใช่สาเหตุหรือปัจจัยหลัก ที่ทำให้เกิดปัญหาสิวที่หลังโดยตรง แต่ความเครียดอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้อาการของสิวที่หลังแย่ลงได้

อาการและลักษณะของ สิวที่หลัง

เมื่อเกิดสิวที่หลัง มักมีอาการให้สังเกตได้ง่ายอย่างชัดเจน โดยจะมีอาการคัน และเกิดเป็นก้อนหรือตุ่มนูนบนแผ่นหลัง บางครั้งอาจเกิดอาการเจ็บปวดและระคายเคืองได้เช่นเดียวกัน โดยการเกิดสิวบริเวณหลัง หรือการเกิด สิวที่หลัง สามารถเกิดสิวขึ้นได้หลายชนิด โดยสามารถเกิดสิวชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือเกิดสิวหลายชนิดผสมกันได้

สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads)

สิวอุดตันหัวขาว (Whiteheads) หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า สิวอุดตันหัวปิด คือ สิวที่มีตุ่มนูนสีขาวใต้ผิวหนัง เมื่อทำการสัมผัสจะรู้สึกถึงตุ่มนูนแข็ง เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของเชื้อแบคทีเรีย, ต่อมไขมัน และเคราตินที่เกาะตัวกันอยู่ภายในรูขุมขน

สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads)

สิวอุดตันหัวดำ (Blackheads) หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า สิวอุดตันหัวเปิด คือ สิวหัวแข็งที่สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ในช่วงแรกอาจเป็นสิวที่มีสีขาวเหลืองแต่เมื่อโดนอากาศ สิ่งสกปรกไปสักระยะจะเปลี่ยนสีกลายเป็นสีดำ เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันบริเวณผิวหนังชั้นตื้นของเคราตินและไขมันซีบัม

สิวตุ่มแดง (Papule)

สิวตุ่มแดง (Papule) หรือ สิวที่มีลักษณะตุ่มนูนขนาดเล็ก เป็นสิวที่ไม่มีหัวหรือหนอง เกิดจากการอุตันของรูขุมขนและการติดเชื้อของแบคทีเรีย เมื่อสัมผัสจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หากมีการบีบ แกะ แคะ หรือเกาบริเวณสิว อาจทำให้เกิดการอุดตันและกลายเป็น สิวอักเสบ ได้

สิวหัวหนอง (Pustule)

สิวหัวหนอง (Pustule) หรือ สิวตุ่มหนอง มีลักษณะแดงในส่วนของบริเวณฐานสิว ตรงกลางมีสีขาวเหลือง หรือมีหนอง สิวหัวหนองไม่ควรที่จะทำการแคะ บีบ แกะ ด้วยตัวเอง เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยสิว และอาจทำให้เกิดการอักเสบได้มากกว่าเดิม

สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule)

สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule) คือ สิวที่มีความรุนแรงกว่าสิวตุ่มแดงและสิวหัวหนอง โดยสิวตุ่มแดงขนาดใหญ่จะมีลักษณะเป็นก้อน และแข็งเป็นไต ไม่มีหัว ไม่มีหนอง จะมีความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัสโดนบริเวณนั้นๆ โดยการเกิดสิวตุ่มแดงขนาดใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และลุกลามไปยังชั้นผิวหนังที่ลึกกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการอักเสบอย่างรุนแรง

สิวหัวช้าง (Nodulocystic ance)

สิวหัวช้าง (Nodulocystic ance) สิวอักเสบที่มีความรุนแรงมากที่สุด ในบรรดาสิวต่างๆ เป็นสิวที่มีลักษณะใหญ่และรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเมื่อมีการสัมผัสโดน โดยสิวหัวช้างจะเป็นสิวที่มีเลือดและหนองคั่งอยู่ภายใน หากทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานอาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการแทรกซ้อนอย่างการเกิดหลุมสิวขนาดใหญ่ได้

รูปภาพประกอบจาก Freepik

สิวที่หลัง รักษา ให้หายได้อย่างไร?

วิธีการรักษาสิวที่หลังขึ้นอยู่กับชนิดของสิวที่เกิดขึ้น โดยส่วนมากแล้ววิธีการรักษาสิวที่หลังจะใช้ยาเพื่อทำการรักษา ดังนั้น การรักษาสิวที่หลังจำเป็นที่จะต้องได้รับการวินิจฉัยและขอรับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนัง หรือเภสัชกรโดยเฉพาะเท่านั้น

  • ยาเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เป็นยารักษาสิวที่มักใช้กับสิวที่มีอาการไม่รุนแรง ออกฤทธิ์ในการลดแบคทีเรีย และทำให้ผิวแห้งลอก สามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวชนิดอื่นๆ ได้
  • กรดซาลิซิลิก (Salicylic acid) กรดธรรมชาติที่ออกฤทธิ์ในลดการอุดตัน อีกทั้งยังสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และยังมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เคราตินเกาะตัวกันน้อยลง
  • เรตินอยด์ (Retinoid) อนุพันธ์วิตามินเอ ที่สามารถลดการอุดตันและช่วยยับยั้งการอักเสบได้ โดยยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงที่จะทำให้เกิดผิวแห้ง เกิดอาการระคายเคือง และทำให้ผิวบางและไวต่อแสง ดังนั้นควรทา ครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง
  • ด็อกซีไซคลีน (Doxycycline) ยาปฏิชีวนะที่สามารถช่วยลดปริมาณของเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • ไอโซเทรติโนอิน (Isotretinoin) ออกฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งยังช่วยควบคุมความมัน และลดการอักเสบของรูขุมขน โดยแพทย์จะประเมินจากอาการ โดยส่วนมากยาชนิดนี้มักใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการสิวรุนแรงปานกลางไปจนถึงรุนแรงมาก และไอโซเทรติโนอินเป็นยาที่มีผลข้างเคียงรุนแรง จึงควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์โดยตรง
  • ยาคุมกำเนิด การรับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิว เป็นการรับประทานเพื่อปรับฮอร์โมนและต้านฮอร์โมนเพศชายที่เป็นฮอร์โมนที่อาจทำให้เกิดสิวได้ วิธีการรักษาสิวด้วยการรับประทานยาคุมเป็นวิธีรักษาที่มักใช้ในผู้ป่วยเพศหญิง

และนอกจากการใช้ยาในการรักษาแล้ว สิวที่หลังยังสามารถใช้วิธีการรักษาอื่นๆ ควบคู่ไปกับการใช้ยารักษาได้ อาทิเช่น การใช้เลเซอร์เพื่อทำการรักษาสิว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของสิวและความรุนแรงของสิวที่เกิดขึ้น โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวินิจฉัยและหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมร่วมกับผู้ป่วย

สิวที่หลังเยอะมาก แก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันบางอย่าง สามารถที่จะป้องกันการเกิดปัญหาสิวที่หลังซ้ำๆ และช่วยลดความรุนแรงของการเกิดสิวที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ได้

  1. การรักษาความสะอาดสุขอนามัยอย่างเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากการออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่ร่างกายมีเหงื่อออกมาก
  2. ทำความสะอาดเครื่องนุ่งห่ม และทำความสะอาดชุดเครื่องนอน ปลอกหมอน อยู่เป็นประจำ เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรีย
  3. ทาครีมกันแดดอย่างเป็นประจำ ไม่ว่าจะออกแดดหรืออยู่ในร่มก็ตาม เนื่องจากรังสียูวีอาจทำลายผิวหนังและทำให้เกิดสิวตามมาได้
  4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีความอ่อนโยนปราศจากน้ำมันไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมี
  5. สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดการเสียดสีของผิวหนังและเสื้อผ้า
  6. หลีกเลี่ยงการขัดผิวที่มีความรุนแรง และหลีกเลี่ยงการขัดผิวที่บ่อยจนเกินไป เพื่อป้องกันการเกิดสิว และผิวหนังอักเสบจากการเสียดสี

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม จากแหล่งที่มา

Scroll to Top