ฮอร์โมนเพศหญิง มีอะไรบ้าง หน้าที่ และความสำคัญแต่ละชนิด?

ฮอร์โมนเพศหญิง คือ ฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเจริญพันธุ์, การสืบพันธุ์ และสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย ซึ่งหายร่างกายมีฮอร์โมนเพศหญิงที่ไม่สมดุล อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ อาทิเช่น อารมณ์ที่แปรปรวน, ประจำเดือนมาไม่ปกติ, ภาวะช่องคลอดแห้ง, การสูญเสียมวลและความแข็งแรงของกระดูก เป็นต้น

ฮอร์โมนเพศหญิงคืออะไร ?

ฮอร์โมนเพศหญิง สารเคมีที่รังไข่และ ระบบต่อมไร้ท่อ ผลิตขึ้น โดยจะปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อทำหน้าที่ในการควบคุมกระบวนการทำงานต่างๆ ของร่างกาย อาทิเช่น การเจริญเติบโต, การสืบพันธุ์, ความต้องการทางเพศ และการหลับนอน เป็นต้น ซึ่งระดับฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีสูงสุดเมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงวัยแรกรุ่น โดยอาจสูงสุดอยู่ที่ระหว่างช่วงอายุ 8-13 ปี และฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลงเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือวัยทอง โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงอายุ 50 ปี

รูปภาพประกอบจาก Freepik

ฮอร์โมนเพศหญิง มีอะไรบ้าง ?

ฮอร์โมนเพศหญิงได้แก่ 2 ชนิด ดังต่อไปนี้

  • ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) คือ ฮอร์โมนเพศหญิงที่รังไข่ผลิตขึ้น และมีบทบาทสำคัญในการเจริญพันธุ์และระบบสืบพันธุ์ต่างๆ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ และการเจริญเติบโตของร่างกาย อาทิเช่น มีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง, การขยายหน้าอก, กระตุ้นการสร้างเส้นผม ขนบริเวณรักแร้และขนบริเวณอวัยวะเพศ
  • ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) คือ ฮอร์โมนเพศหญิงที่รังไข่และ ต่อมไร้ท่อ ต่อมหมวกไตผลิตขึ้น และมีบทบาทสำคัญในการช่วยควบคุมการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อการมีประจำเดือนและการตั้งครรภ์

นอกจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนแล้ว เพศหญิงยังอาจมี ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ที่ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่รังไข่ได้มีการผลิตขึ้นร่วมด้วย แต่มีเพียงในปริมาณที่เล็กน้อย ในเพศหญิงที่มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนหรือฮอร์โมนเพศชายมากจนเกินไป อาจส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย อาทิเช่น มีโทนเสียงทุ้ม, มีหนวด ขน ขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเยอะกว่าปกติ และ สิวฮอร์โมน

การวัดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)

ฮอร์โมนเพศหญิง หน้าที่ ของฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนหลักของผู้หญิงมีหน้าที่ในการควบคุมการมีประจำเดือนและการหมดประจำเดือน รับผิดชอบต่อความหนาของผิว การไหลเวียนเลือด คอลลาเจน ช่วยเพิ่มระของคอเลสเตอรอลที่ดีและลดระดับของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และยังมีความสำคัญต่อเพศหญิงที่มีการตั้งครรภ์ อาทิเช่น ช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ควบคุมการทำงานของมดลูกให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ โดยการวัดค่าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละกลุ่มบุคคล

  • ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือน จะอยู่ที่ 26-149 pg/ml
  • ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน จะอยู่ที่ 0-34 pg/ml
  • ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิงที่อยู่ในช่วงการตั้งครรภ์ จะอยู่ที่ 2-30 pg/ml
  • ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ จะอยู่ที่ 3-10 pg/ml

การวัดระดับ ฮอร์โมนเพศหญิง โปรเจสเตอโรน (Progesterone)

ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงที่มีความสำคัญต่อการควบคุมภาวะไข่ตกและการมีประจำเดือน อักทั้งยังคอยควบคุมการทำงานพื้นฐานของร่างกาย ความรู้สึกต่างๆ และการสร้างฮอร์โมนหลายชนิดอีกทั้งยังควบคุมการหลั่งฮอร์โมนด้วย มีหน้าที่ในการกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณเยื่อบุมดลูกเพิ่มช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนา ยับยั้งมดลูกไม่ให้บีบตัวในขณะที่มีการตั้งครรภ์ ช่วยปรับการทำงานของร่างกายให้เหมาะต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน โดยทั่วไปการวัดค่าระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน จะแตกต่างกันตามวันไข่ตก

  • ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในวันแรกที่มีประจำเดือนจนถึงวันก่อนไข่ตก จะอยู่ที่ 0.2-1.5 pg/ml
  • ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในวันไข่ตก จะอยู่ที่ 0.8-3.0 pg/ml
  • ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในหลังวันไข่ตกจนถึงวันก่อนมีประจำเดือนรอบถัดไป จะอยู่ที่ 1.7-27 pg/ml
รูปภาพประกอบจาก Freepik

ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล มีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย?

ปัญหาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อ ฮอร์โมนเพศหญิงเปลี่ยน หรือ ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล

  1. ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนไม่มา
  2. ภาวะช่องคลอดแห้ง
  3. มวลกระดูกและความแข็งแรงของกระดูกลดลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
  4. เสี่ยงต่อการมีบุตรยาก, แท้งบุตร, ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), โรคหัวใจ, เนื้องอกในรังไข่และมะเร็งรังไข่
  5. ความต้องการทางเพศต่ำ
  6. อารมณ์แปรปรวน, วิตกกังวล, หงุดหงิดง่าย, เหนื่อยล้าง่าย, นอนไม่หลับ และเสี่ยงต่อการเกิด ภาวะซึมเศร้า
  7. มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
  8. น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
  9. สิวขึ้น
  10. มีขนขึ้นทั่วทั้งร่างกายมากกว่าปกติ
  11. ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  12. เจ็บเต้านม

อาการที่เกิดขึ้นจาก ฮอร์โมนเพศหญิง ไม่สมดุล ที่ควรเข้าพบแพทย์

หากร่างกายมี ฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล อาจส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้นมากมายตามที่กล่าวมาในข้างต้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามหากสังเกตเห็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ควรเข้าพบแพทย์ในทันทีเพื่อทำการรักษาตามแนวทางอย่างทันท่วงที

  1. มีภาวะช่องคลอดแห้ง เลือดออกที่ช่องคลอด และรู้สึกเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
  2. ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนไม่มา
  3. ความต้องการทางเพศลดลงหรือความต้องการทางเพศต่ำ
  4. มีอาการผมร่วงหรือมีขนขึ้นทั่วร่างกายมากจนเกินไป
  5. มีบุตรยาก
  6. ภาวะซึมเศร้า โดยสามารถทำการทดสอบ ตรวจซึมเศร้า ได้ที่นี่

ฮอร์โมนเพศหญิงเปลี่ยน ไม่สมดุล แก้ไขได้อย่างไร?

เมื่อฮอร์โมนมีความไม่สมดุล แพทย์อาจให้การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน ตามระดับของฮอร์โมนที่ลดลง โดยการบำบัดดังด้านล่าง และการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนหรือฮอร์โมนสังเคราะห์ อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดลิ่มเลือด มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งเต้านมได้ ในการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนควรปรึกษาแพทย์ก่อนการบำบัด เพื่อความปลอดภัย

บำบัดฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)

  • ยาฮอร์โมนในรูปแบบเม็ด เป็นแนวทางการรักษาสำหรับผู้ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ โดยแพทย์อาจให้รับประทานยาฮอร์โมนเอสโตรเจนรูปแบบเม็ด วันละ 1 ครั้ง หรือตามที่แพทย์กำหนด โดยการบำบัดด้วยยาฮอร์โมนในรูปแบบเม็ดเหมาะสำหรับช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือวัยทอง
  • ยาฮอร์โมนในรูปแบบแผ่นแปะ เป็นยาฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มาในรูปแบบของการแปะที่ผิวหนัง เพื่อให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ควรเปลี่ยนอย่างน้อยทุก 2-3 วัน หรือสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยการแปะฮอร์โมนในรูปแบบแผ่นมักใช้แปะบริเวณหน้าท้อง
  • ยาฮอร์โมนแบบใช้เฉพาะที่ ยาฮอร์โมนเอสโตรเจนแบบใช้เฉพาะที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะในรูปแบบครีม, เจล หรือสเปรย์พ่น โดยการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนแบบเฉพาะที่จะถูกซึมผ่านผิวหนังและเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง อีกทั้งยังมีในรูปแบบของยาสอดเหน็บช่องคลอด ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะช่องคลอดแห้ง ผู้ที่มีอาการแสบร้อน เจ็บปวดช่องคลอดในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ โดยควรใช้เป็นประจำทุกวันช่วงแรกหรือ 2 สัปดาห์แรก และปรับไปใช้เพียง 2 วัน ต่อสัปดาห์ หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ และยาฮอร์โมนแบบใช้เฉพาะที่ที่มาในรูปแบบวงแหวนช่องคลอดที่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

บำบัดฮอร์โมนแบบผสมผสาน

แนวทางการรักษาด้วยการบำบัดฮอร์โมนแบบผสมผสาน ใช้ยาที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสติน หรือซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในรูปแบบสังเคราะห์ ที่มีทั้งในรูปแบบของยาเม็ดสำหรับรับประทานและรูปแบบของห่วงอนามัยสำหรับสอดช่องคลอด เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงที่อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และภาวะช่องคลอดแห้ง

สรุป

ฮอร์โมนเพศหญิง เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายในหลายด้านตามที่ได้มีการกล่าวมาในข้างต้น กลไกหน้าที่การทำงานของฮอร์โมนมีรายละเอียดและการทำงานร่วมกันหลายส่วน หากร่างกายมีฮอร์โมนไม่สมดุลอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพ และส่งผลกระทบต่ออารมณ์และพฤติกรรมการแสดงออกได้ ไม่ว่าฮอร์โมนเพศหญิงจะมีระดับที่สูงหรือต่ำเกินไปย่อมส่งผลเสียและส่งผลกระทบต่อร่างกายด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น การดูแลสุขภาพกายและสภาพจิตใจโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ อย่าง การพักผ่อนที่เพียงพอ, การหลีกเลี่ยงความเครียด, การรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย สามารถช่วยให้ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างสมดุลมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน จากแหล่งที่มา

Scroll to Top