เชื้อราบนหนังศีรษะ หนึ่งในโรคผิวหนังที่สามารถพบได้ที่บริเวณหนังศีรษะ โดยอาจมีสาเหตุมาจากเชื้อรา หรือโรคบางชนิด โดยมักมีอาการคันที่ศีรษะ ตกสะเก็ด เป็นขุย ศีรษะแดง ซึ่งเป็นลักษณะอาการที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ และในบางรายอาการเชื้อราบนหนังศีรษะนอกจากอาการเหล่านี้แล้วอาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย และหากมีการปล่อยทิ้งเอาไว้อาจทำให้อาการคันศีรษะมีอาการรุนแรงขึ้น และอาจเกิดแผลบนหนังศีรษะลุกลามไปจนถึงการติดเชื้อได้เช่นเดียวกัน
เชื้อราบนหนังศีรษะเกิดจากอะไร ?
เชื้อราบนหนังศีรษะ เกิดจาก เชื้อราที่บริเวณหนังศีรษะมีการเจริญเติบโตมากจนผิดปกติ และส่งผลต่อการผลัดตัวของเซลล์ผิวหนัง จนทำให้เกิดเป็นลักษณะของขุยสีขาว โดยอาจมีอาการคัน มีผื่นแดง และมีอาการระคายเคืองที่บริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเชื้อราบนหนังศีรษะอาจมีสาเหตุเกิดขึ้นได้จากโรคผิวหนังบางชนิด กล่าวคือ
- โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea capitis) หรือ โรคกลากชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อราไตรโคไฟตอน (Trichophyton) โดยมักทำให้เกิดอาการคัน บริเวณศีรษะเกิดเป็นสะเก็ด ศีรษะล้านเป็นหย่อมๆ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสของใช้ส่วนตัวของผู้ที่มีอาการเป็นโรคกลาก อาทิเช่น ชุดเครื่องนอน, เสื้อผ้า, หมวก, หวี, ผ้าเช็ดตัว
- โรครูขุมขนอักเสบ จากเชื้อรา (Malassezia Folliculitis) หรืออีกหนึ่งชื่อเรียก “สิวยีสต์” โดยโรคนี้มักเกิดจากเชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่มมาลาสซีเซีย โดยทำให้มีอาการรูขุมขนอักเสบหรือมีการติดเชื้อที่รูขุมขน มีลักษณะเป็นตุ่มหนองเล็กๆ ขึ้นเป็นหย่อมๆ ในบางครั้งอาจพบร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรียสิว (P.acnes) ในกรณีที่อาการไม่รุนแรงสามารถหายได้เองโดยที่ไม่ต้องรักษา
- โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) ภาวะต่อมไขมันในชั้นผิวหนังเกิดการอักเสบ โรคที่มีสาเหตุการเกิดที่ยังไม่แน่ชัด โดยอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยการกระตุ้นบางอย่าง อาทิเช่น การติดเชื้อยีสต์, การติดเชื้อมาลาสซีเซีย, ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน, อากาศร้อน, ฮอร์โมนความเครียด เป็นต้น
- โรคเชื้อราแคนดิดา (Candida infection) การติดเชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans) บนหนังศีรษะ
โรคผิวหนังเหล่านี้เป็นโรคที่มักพบเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ และนอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะด้วยเช่นเดียวกัน
เชื้อราบนหนังศีรษะ อาการ เป็นลักษณะอย่างไร?
อาการของโรคเชื้อราบนหนังศีรษะอาจมีอาการแตกต่างกันออกไปตามชนิดของโรคที่เป็นสาเหตุในการเกิดเชื้อรา โดยอาการเชื้อราบนหนังศีรษะอาจมีลักษณะอาการ ดังนี้
- ลักษณะอาการของเชื้อราบนหนังศีรษะที่มีสาเหตุมาจากโรคกลาก อาจมีอาการเริ่มที่การเกิดตุ่มหรือแผลเล็กๆ ที่บริเวณหนังศีรษะ ก่อนที่จะมีลักษณะเป็นขุยหรือเกร็ด โดยอาจมีผื่นแดงลักษณะเป็นปื้น มีตุ่มคัน และอาจมีอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ
- ลักษณะอาการของเชื้อราบนหนังศีรษะที่มีสาเหตุมาจากโรครูขุมขนอักเสบ มีตุ่มแดงหรืออาจมีตุ่มหนองเล็กๆ ขึ้นรอบบริเวณรูขุมขน หนังศีรษะมีอาการแสบคัน และมีแผลลักษณะตกสะเก็ดที่บริเวณหนังศีรษะ
- ลักษณะอาการของเชื้อราบนหนังศีรษะที่มีสาเหตุมาจากโรคเซ็บเดิร์ม หนังศีรษะอาจมีลักษณะมันเยิ้ม หรืออาจมีลักษณะผิวแห้งลอกจนเกิดเป็นขุยขาวจำนวนมากที่บริเวณไรผม และอาจมีรอยแดง ผื่นคัน หรือเกิดเป็นสะเก็ดบนผิวหนังร่วมด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิด เชื้อราบนหนังศีรษะ
- โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune Diseases)
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาทิเช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และ ผู้ป่วยโรคมะเร็งบางชนิด
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
- ความเครียด
- การฟื้นตัวจากภาวะสุขภาพ
- ภาวะทางระบบประสาทและจิตเวช อาทิเช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า
- หญิงตั้งครรภ์, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ BMI และผู้ที่มีเหงื่อออกมาก
- สภาพอากาศร้อนชื้นที่เพิ่มความอับชื้นที่บริเวณหนังศีรษะ
- สุขอนามัยที่ไม่ดี
- การสัมผัสผิวหนัง, สิ่งของ หรือการสัมผัสสัตว์ที่มีการติดเชื้อ
วิธีการรักษา เชื้อราบนหนังศีรษะ รักษายังไง ?
การรักษาอาการเชื้อราบนหนังศีรษะ อาจรักษาได้ตามสาเหตุอาการของโรคที่ทำให้เกิดเชื้อรา หากอาการเชื้อราที่เกิดขึ้นมีอาการที่รุนแรงควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและทำการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
- โรคกลาก สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยา อาทิเช่น เทอร์บินาฟีน (Terbinafine) และ กริซีโอฟูลวิน (Griseofulvin) ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อราบนศีรษะ โดยรับประทานตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างต่อเนื่อง สามารถรับประทานควบคู่กับการใช้แชมพูต้านเชื้อรา เพื่อลดการกระจายเชื้อสู่ผู้ใกล้ชิดได้
- โรคเซ็บเดิร์ม สามารถรักษาได้ด้วยการใช้แชมพูขจัดรังแคที่อาจมีส่วนผสมของ คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) และ กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) อีกทั้งยังสามารถบรรเทาอาการคันด้วยการใช้แชมพูที่มีซิงค์ไพริไทออน (Zinc pyrithione) และ ซีลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium sulfide)
- โรคเชื้อราแคนดิดา อาจสามารถรักษาได้ด้วยแชมพู, โฟม หรือครีมต้านเชื้อราที่มีส่วนผสมของโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) หรือ คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ควบคู่ไปกับการดูแลหนังศีรษะและเส้นผมให้คงความแห้งและความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อราซ้ำ
แนวทางการป้องกันการเกิด เชื้อราบนหนังศีรษะ
วิธีการเหล่านี้เป็นวิธีการป้องกันการเกิดเชื้อราที่สามารถทำควบคู่ไปพร้อมกับการรักษาอาการเชื้อราบนหนังศีรษะด้วยวิธีด้านบน อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราซ้ำได้
- ควรทำการสระผมอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เพื่อเป็นการลดการสะสมของไขมันและลดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายไปแล้วบนหนังศีรษะ
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมหรือแชมพูที่เหมาะกับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมที่มีความอ่อนโยน
- ไม่ควรปล่อยให้หนังศีรษะเปียกชื้นเป็นระยะเวลายาวนาน หลังการอาบน้ำและสระผมควรทำเช็ดผมและหนังศีรษะให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและป้องกันการเกิด รังแค
- หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรา อาทิเช่น หวี, เสื้อผ้า, ผ้าขนหนู, หมวก, หมวกกันน็อค เป็นต้น
- ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีการสัมผัสกับบริเวณที่อาจเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค เช่น ห้องน้ำ, ลูกบิด, ประตู เป็นต้น รวมไปถึงเมื่อมีการสัมผัสสัตว์เลี้ยง
- รักษาความสะอาดที่พักอาศัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรค
- หมั่นพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพผิว เพื่อตรวจเช็คการติดเชื้อราในสัตว์
สรุป
อาการเชื้อราบนหนังศีรษะ เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่เกิดจากภาวะการติดเชื้อราบางชนิด หรืออาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคกลาก, โรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา, โรคเซ็บเดิร์ม และโรคเชื้อราแคนดิดา เป็นต้น โดยเชื้อราบนหนังศีรษะนั้นเป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อย ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงแต่อาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการนอนหลับ และอาจเป็นหนึ่งในลักษณะอาการที่อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจได้เช่นเดียวกัน
สำหรับผู้ที่มีอาการเชื้อราบนหนังศีรษะสามารถรักษาได้ด้วยวิธีการตามที่มีการกล่าวมาในข้างต้น ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาความสะอาดของหนังศีรษะและเส้นผม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราซ้ำ สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงควรหมั่นพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพ รักษาความสะอาดสัตว์เลี้ยงและที่อยู่อาศัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อรา แต่หากอาการลุกลามหรือมีความรุนแรงควรรีบเข้าพบแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการรักษาตามแนวทางที่เหมาะสมและถูกต้องในทันที
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน จากแหล่งที่มา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/ringworm-scalp/symptoms-causes/syc-20354918
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a682295.html
- https://www.youtube.com/watch?v=FLmTmA9NeZs
- https://www.youtube.com/watch?v=GIZq1-TuqLs