คันช่องคลอด คันน้องสาว คันช่องคลอดตอนกลางคืน เกิดจากอะไร? วิธีรักษา

คันช่องคลอด คันน้องสาว อาการที่อาจมาพร้อมด้วยอาการระคายเคือง แสบ ร้อน หรือการมีตกขาวผิดปกติร่วม ซึ่งเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยกันหลากหลายสาเหตุ อาทิเช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, วัยหมดประจำเดือน, การติดเชื้อรา และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ เป็นต้น โดยอาการ คันช่องคลอด มีตกขาว ที่มีความรุนแรงอาจมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นหากมีอาการคันช่องคลอดจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งวิธีการรักษาอาการคันช่องคลอด คันน้องสาวนั้นมีวิธีการรักษาด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดของอาการคัน การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์จะทำให้การรักษาเป็นไปได้อย่างตรงตามสาเหตุของอาการ และจะสามารถป้องกันการเกิดอาการซ้ำได้ โดยอาการคันช่องคลอดอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุเหล่านี้

รูปภาพประกอบจาก Freepik

คันช่องคลอด คันน้องสาว อาจเกิดจาก ความไม่สมดุลของภาวะความเป็นกรดด่าง ในช่องคลอด

คันช่องคลอด มีตกขาว อาจเกิดขึ้นจากความไม่สมดุลของภาวะความเป็นกรดด่างในช่องคลอด ซึ่งโดยปกติแล้วภายในบริเวณช่องคลอดจะมีแบคทีเรียประจำถิ่น แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) อาศัยอยู่ ซึ่งแบคทีเรียประจำถิ่นชนิดนี้จะทำให้ช่องคลอดมีภาวะเป็นกรดอ่อนๆ แต่เมื่อไหร่ที่แบคทีเรียชนิดนี้มีจำนวนลดลงจะทำให้ความเป็นกรดด่างของช่องคลอดเสียความสมดุลไป ทำให้เชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และการเพิ่มจำนวนขึ้นของเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น อาจส่งผลให้ช่องคลอดเกิดอาการอักเสบขึ้น ทำให้มีอาการคัน แสบร้อน และ ตกขาวมีกลิ่น

คันช่องคลอด มีตุ่ม อาจเกิดจาก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

อาการ คันช่องคลอด คันน้องสาว อาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยอาจมีทั้งโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส อาทิเช่น เริมที่อวัยวะเพศหญิง , เอดส์, โรคหูดหงอนไก่ และโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อาทิเช่น โรคซิฟิลิส, โรคหนองในแท้, โรคหนองในเทียม รวมไปถึงโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิและ เชื้อราแคนดิดา ที่อาจทำให้เกิดอาการคันระคายเคืองที่บริเวณช่องคลอดหรือบริเวณปากช่องคลอดได้

คันช่องคลอด มีเลือดออก อาจเกิดจากการก้าวเข้าสู่ วัยหมดประจำเดือน

เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วง วัยหมดประจำเดือน หรือ “วัยทอง” รังไข่จะมีการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ลดลง ซึ่งส่งผลให้เยื่อบุผนังช่องคลอดบางลง แห้ง และขาดสารคัดหลั่งที่ทำให้เกิดความชุ่มชื้น และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคัน และอาการระคายเคืองที่บริเวณช่องคลอด

คันช่องคลอด คันน้องสาว อาจเกิดจาก การติดเชื้อราในช่องคลอด

การติดราภายในช่องคลอด และบริเวณปากช่องคลอด เกิดขึ้นเมื่อเชื้อราแคนดิดา (Candida) มีการเจริญเติบโตในช่องคลอดมากจนเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อาทิเช่น การมีเพศสัมพันธ์, การตั้งครรภ์, ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และการใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น ซึ่งการติดเชื้อราภายในช่องคลอดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคัน มีตกขาว โดยตกขาวอาจเปลี่ยนเป็นสีขาวข้น, สีเหลือง, สีเขียว และอาจมีกลิ่นเหม็น

คันช่องคลอดตอนกลางคืน อาจเกิดจาก สารระคายเคืองทางเคมี

สารระคายเคืองทางเคมี อาทิเช่น น้ำยาซักผ้า, ถุงยางอนามัย, กระดาษชำระที่มีส่วนผสมของน้ำหอม และสบู่ รวมไปถึงวิธีการสวนล้างช่องคลอดด้วยสบู่ อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุในการสร้างความระคายเคืองและทำให้เกิดอาการคันในช่องคลอดและบริเวณปากช่องคลอดได้

คันช่องคลอด มีเลือดออก อาจเกิดจาก โรคไลเคน สเคลโรซัส (Lichen sclerosus)

ภาวะที่ทำให้มีเลือดออกภายใน มีเลือดออกใต้ชั้นผิวหนัง เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อย โดยอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ว่าเป็นอาการที่เกิดจากการทารุณกรรมเพศ อาจทำให้เกิดแผลและมีอาการคัน โดยโรคไลเคน สเคลโรซัสนี้ มักพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

รูปภาพประกอบจาก Freepik

คันช่องคลอด กินยาอะไร วิธีการรักษา

โดยปกติทั่วไปแล้วอาการระคายเคืองที่ทำให้เกิดอาการคันช่องคลอด มักที่จะมีอาการดีขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องรักษา แต่เมื่อไหร่ที่อาการคัน มีอาการรุนแรงขึ้น หรือมักที่จะกลับมาเป็นซ้ำอยู่บ่อยครั้ง ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุการเกิดอาการ เพื่อที่แพทย์จะสามารถรักษาตามสาเหตุของการเกิดอาการได้ เนื่องจากอาการคันช่องคลอดนั้นสามารถที่จะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุตามที่ได้มีการกล่าวมาในข้างต้น และวิธีการรักษาของโรคที่เกิดขึ้นจากสาเหตุต่างๆ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการดังนี้

  • รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด แพทย์อาจให้ยารับประทานในกลุ่มของเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นยาที่ควรรับประทานหลังอาหารในทันที เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และควรรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์กำหนดเพื่อป้องกันอาการดื้อยา
  • รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยแพทย์จะทำการรักษาตามโรคที่เกิดขึ้น อาทิเช่น การใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรคหนองใน, การใช้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาโรคเริม, การใช้ยาแก้พยาธิเพื่อรักษาโรคติดเชื้อพยาธิ โดยการรับประทานยาควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และงดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างช่วงที่มีการรักษาหรือจนกว่าการติดเชื้อหรือโรคจะหายไป ซึ่งโรคบางโรคอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาจทำได้เพียงบรรเทาอาการและควบคุมไม่ให้อาการมีความรุนแรง เช่น โรคเอดส์, โรคเริม เป็นต้น
  • รักษาอาการคันที่เกิดจากวัยหมดประจำเดือน แพทย์อาจรักษาด้วยการใช้ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่มาในรูปแบบยาเม็ด หรือการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับทาช่องคลอด ในการบรรเทาอาการช่องคลอดแห้ง และบรรเทาอาการคัน
  • รักษาการติดเชื้อยีสต์ แพทย์อาจรักษาด้วยการใช้ยาต้านเชื้อรา โดยอาจใช้ยาที่มาในรูปแบบครีม ขี้ผึ้ง หรือยาเหน็บที่ใช้การสอดเข้าไปในช่องคลอด และอาจใช้ยารับประทาน โดยยาเหล่านี้สามารถซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไป แต่เมื่อไหร่ที่อาการติดเชื้อรา มีอาการที่รุนแรง ไม่หายไป ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับยาที่มีการออกฤทธิ์แรงขึ้น และหาสาเหตุของอาการรุนแรงที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม เช่น ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
  • รักษาอาการที่เกิดขึ้นจากสารระคายเคืองทางเคมี ในการรักษาบรรเทาอาการ และหลีกเลี่ยงอาการคันช่องคลอด ที่เกิดขึ้นจากสารระคายเคืองทางเคมี สามารถทำได้ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ล้างทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศหรือการสวนล้าง
  • รักษาโรคไลเคน สเคลโรซัส สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ ครีมสเตียรอยด์ ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ หรือรับสเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงในการบรรเทาอาการระคายเคือง ที่เกิดจากโรคไลเคน สเคลโรซัส

แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงอาการ คันช่องคลอด คันน้องสาว

  1. ทำความสะอาดบริเวณภายนอกอวัยวะเพศอย่างเป็นประจำด้วยการใช้น้ำเปล่า หลีกเลี่ยงการใช้สบู่สวนล้างที่บริเวณช่องคลอด
  2. เช็ดอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอทุกครั้งหลังจากการทำธุระส่วนตัว โดยทำการเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง
  3. สวมกางเกงที่สบาย ไม่อับชื้น ไม่รัดแน่นหรือคับจนเกินไป
  4. ไม่ใส่ชุดชั้นในเดิมซ้ำ
  5. หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระหรือกระดาษทิชชู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
  6. หลีกเลี่ยงการทาแป้งหรือครีมที่บริเวณอวัยวะเพศ
  7. งดการเกา
  8. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  9. หากมีภาวะช่องคลอดแห้ง ก่อนมีเพศสัมพันธ์ควรใช้เจลหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
  10. หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีอาการคัน

สรุป

อาการคันที่ช่องคลอด เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยอาจเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อรา, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, วัยหมดประจำเดือน หรืออาจเกิดขึ้นได้จากสารระคายเคืองทางเคมีที่พบเจอได้ในชีวิตประจำวัน โดยปกติแล้วอาการคันสามารถที่จะหายเองได้ แต่หากเมื่อไหร่ก็ตามที่อาการคันมีความรุนแรง หรือมีการเกิดอาการซ้ำบ่อยๆ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น เพื่อทำการรักษาตามอาการอย่างเหมาะสม และเพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง

Scroll to Top